Detail
Discount
Help

 >  บทความ  >  เก็บออมเงินยังไง ให้เงินเดือนไม่ชนเดือน ลองปรับนิสัยแบ่งเงินให้เป็นสัดส่วน

เก็บออมเงินยังไง ให้เงินเดือนไม่ชนเดือน ลองปรับนิสัยแบ่งเงินให้เป็นสัดส่วน

8 พ.ค. 2568

เคยไหม? เงินเดือนเพิ่งออกได้ไม่กี่วัน เงินก็หายวับไปกับตา พออยากเก็บออมก็ไม่มีเหลือ

ทั้งที่รายได้ก็เพิ่มขึ้นทุกปี แต่เงินเก็บกลับเท่าเดิม... หรืออาจจะน้อยลงด้วยซ้ำ

ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากเงินเดือนน้อยเกินไป แต่เกิดจาก การไม่มีแผนการเงินที่ดีพอ

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก "วิธีแบ่งเงินในบัญชีอย่างมีระบบ" เพื่อให้มี เงินเก็บ แบบยั่งยืน และหลุดพ้นจากวังวน "เดือนชนเดือน" ได้จริง

 

ทำไมถึงเก็บเงินไม่ได้ แม้เงินเดือนเพิ่ม?

หลายคนคิดว่า "รอเงินเดือนขึ้นก่อน แล้วค่อยเริ่มเก็บเงิน" แต่ความจริงคือ พอเงินเดือนเพิ่ม ค่าใช้จ่ายก็มักเพิ่มตามไปด้วย ผลที่ตามมา? เก็บเงินไม่อยู่เหมือนเดิม!

ลองสังเกตดู:

  • เงินเดือนออก ใช้จ่ายหนัก กินหรู เที่ยวบ่อย
  • กลางเดือน เริ่มประหยัด
  • สิ้นเดือน เหลือแต่เศษเงิน

หากคุณวนลูปแบบนี้ซ้ำ ๆ นี่คือสัญญาณว่า คุณต้องวางแผนเก็บเงินอย่างจริงจังแล้ว

 

สูตรแบ่งเงิน 4 ส่วน เพื่อเก็บเงินได้ทุกเดือน

 

how-to-save-money-50-20-20-10-technique

 

การวางแผนการเงินที่ดีเริ่มจากการ แบ่งเงินเดือนออกเป็นสัดส่วน ที่ชัดเจน เป็นพื้นฐานของวินัยทางการเงินที่นำไปสู่ความมั่นคงในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยให้วางแผนอนาคตได้อย่างมีเป้าหมายและยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ในส่วนนี้จะแนะนำถึงการแบ่งเงินเป็น 4 ส่วนยังไงให้สามารถจัดการรายจ่ายและมีเงินเก็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

1. แบ่งเงินสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น (50%)

ค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าเช่าบ้าน, ค่าน้ำ-ไฟ, ค่าเดินทาง, ค่าอาหาร คือสิ่งที่ต้องมีอยู่แล้ว ควรจำกัดให้อยู่ในกรอบ 50% ของรายได้เท่านั้น เพื่อไม่ให้รุกล้ำเงินส่วนอื่น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เป็นรายปี เช่น ค่าประกันรถยนต์ หรือค่าส่วนกลางคอนโดมิเนียม มักเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่หากไม่วางแผนล่วงหน้า จะกระทบกับการเงินในเดือนนั้น ๆ

ตัวอย่าง:

  • ค่าประกันรถยนต์ปีละ 24,000 บาท ควรแยกเก็บเงินเดือนละ 2,000 บาท
  • ค่าส่วนกลางคอนโดมิเนียมปีละ 20,000 บาท ควรแยกเก็บเงินเดือนละ 1,666 บาท

การเก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถทำได้ผ่านกองทุนรวมตลาดเงินหรือ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เพื่อสะสมไว้ทุกเดือน และเมื่อถึงกำหนดจ่ายก็สามารถนำเงินที่เก็บไว้มาใช้ได้ทันทีโดยไม่กระทบกระเทือนการเงินรายเดือน

 

2. แบ่งเงินสำหรับออมและลงทุน (20%)

การออมเงินและการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว การแบ่งเงินออมเพื่อการลงทุนช่วยให้เงินเติบโตได้มากกว่าเก็บเงินไว้เฉย ๆ เป็นช่องทางสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว เอาชนะเงินเฟ้อ และช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น

ตัวอย่าง:

  • เงินสำรองฉุกเฉิน ควรเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง ความเสี่ยงต่ำ และสามารถเบิกมาใช้ได้เมื่อจำเป็น
  • เงินออมระยะยาวสำหรับการศึกษาบุตรหรือเพื่อการเกษียณอายุ สามารถใช้ประกันออมทรัพย์เป็นเครื่องมือช่วยให้ออมได้สำเร็จ มีวินัย และยังได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติม

การเลือกเครื่องมือการเงินที่เหมาะสมกับเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การออมและการลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต

Tip: หากคุณไม่มั่นใจว่าจะลงทุนอะไร ให้เริ่มจาก "ออมก่อนคิดลงทุน" เช่น ฝากประจำ หรือใช้บริการหักเงินอัตโนมัติ

 

3. แบ่งเงินสำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อความสุข (20%)

ค่าใช้จ่ายเพื่อความสุข เช่น การท่องเที่ยว การรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือการซื้อของที่ชื่นชอบ ควรเป็นเงินที่เหลือจากการกันไว้สำหรับค่าใช้จ่ายรายปีและการออม แม้ว่าเงินสำหรับส่วนนี้อาจจะน้อย แต่หากมีการวางแผนและใช้จ่ายอย่างมีสติ และคำนึงถึงประโยชน์จากการใช้เงิน ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยไม่กระทบกับเป้าหมายทางการเงิน

Tip: แต่! ต้องไม่เกินงบส่วนนี้ ไม่ควร "รูดบัตรก่อน ค่อยคิดทีหลัง"

 

4. แบ่งเงินใช้ยามเกษียณ (10%)

เมื่อถึงวัยเกษียณ รายได้ประจำจะหายไป แต่รายจ่ายยังคงอยู่ การมีเงินเก็บไว้ใช้จึงเป็นเกราะป้องกันชีวิตไม่ให้ลำบาก การวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้คือการมอบความมั่นคงให้ตัวเองในอนาคต ไม่ต้องพึ่งพาใคร และใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายอย่างอิสระและมีคุณภาพอย่างที่ควรได้รับ

Tip: แนะนำให้แยกบัญชีไว้ต่างหาก และโอนเงินเข้าทุกเดือนแบบอัตโนมัติ

 

สรุปการวางแผนแบ่งเงินให้มีเงินเก็บและเกิดประโยชน์

การแบ่งเงินในบัญชีอย่างเป็นระบบจะช่วยให้คุณสามารถจัดการรายจ่ายและมีเงินเก็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มจาก การวางแผนค่าใช้จ่ายรายปี การออมและการลงทุน การใช้จ่ายเพื่อความสุข และยามเกษียณ อย่างมีสติ หากคุณสามารถปฏิบัติตามแนวทางนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากวงจรเงินเดือนชนเดือน และมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวอย่างแน่นอน