รายการลดหย่อนภาษี 2567 ก่อนยื่นภาษี เอาอะไรลดหย่อนได้บ้าง | SE Life
 
Detail
Discount
Help

 >  บทความ  >  รายการลดหย่อนภาษี 2567 เพื่อยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

รายการลดหย่อนภาษี 2567 เพื่อยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

9 พ.ค. 2567

  การเตรียมตัวในการยื่นภาษี 2567 เป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะบุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากเงินเดือน ซึ่งนอกจากการทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างรอบคอบแล้ว ยังมีรายการลดหย่อนภาษี 2567 ที่สามารถนำมาใช้ในการลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณได้เห็นภาพรวมของรายการลดหย่อนภาษี 2567 จะมีรายการลดหย่อนไหนบ้างที่สามารถนำเงินได้จากปี 2566 มาลดหย่อนได้ ตามกฎหมายปัจจุบัน

 

รายการลดหย่อนภาษี 2567 มีอะไรบ้าง

 

สำหรับรายการลดหย่อนภาษี 2567 ที่ใช้ประกอบการยื่นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา มีหลายรายการที่สามารถให้ผู้มีเงินได้ลดหย่อนได้หลากหลายหมวดหมู่ ดังนี้

 

1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท/ปี

ตามรายการลดหย่อนภาษี 2567 ของกฎหมายภาษี ผู้เสียภาษีสามารถใช้ค่าลดหย่อนส่วนตัวได้ 60,000 บาท/ปี โดยสามารถใช้สิทธิ์์ทันทีทั้งการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2566 ผ่านการยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 โดยถ้ายื่นภาษีออนไลน์ ระบบจะทำการลดหย่อนส่วนตัวโดยอัตโนมัติ

 

2. ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท

ตามรายการลดหย่อนภาษี 2567 สำหรับคู่สมรสที่มีสถานะทางภาษีแล้ว สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้สูงสุดถึง 60,000 บาท โดยจะต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนตามกฎหมาย และสมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องไม่มีเงินได้หรือมีเงินได้น้อยกว่าขั้นต่ำที่กำหนด การลดหย่อนนี้สามารถนำมาใช้ได้ทั้งการยื่นภาษีรวมหรือยื่นแยกกัน โดยการยื่นภาษีรวมกันจะต้องตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดในปี 2566

 

3. ค่าลดหย่อนบุตร 30,000 บาท

ในกรณีลดหย่อนบุตร ตามรายการลดหย่อนภาษี 2567 สามารถใช้ได้ 30,000 บาทต่อบุตร 1 คน และถ้ามีบุตรคนที่ 2 ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป สามารถใช้สิิทธิ์ลดหย่อนได้ 60,000 บาท สำหรับบุตรบุญธรรมสูงสุด 3 คน ที่มีชีวิต และบุตรที่มีอายุ 21 – 25 ปี ต้องศึกษาอยู่ในระดับ ปวส. ขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี ยกเว้นกรณีได้รับเงินปันผล

 

4. ค่าลดหย่อนบิดามารดา 30,000 บาท

นอกจากรายการลดหย่อนบุตร ตามรายการลดหย่อนภาษี 2567 ยังสามารถลดหย่อนมารดาได้ถึง 30,000 บาทต่อผู้ปกครองหรือบุคคลที่ท่านเลี้ยงดูซึ่งเป็นบิดามารดาที่แท้จริง โดยเงื่อนไขสำหรับการลดหย่อนนี้คือบิดามารดาต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปีและมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
หากมีพี่น้องที่มีรายได้แล้วและต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อน จะต้องทำหนังสือรับรองการหักค่าลดหย่อนหรือ ลย.03 ขึ้นทะเบียนไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้สิทธิ์เดียวกันซ้ำ

 

5. ค่าลดหย่อนผู้พิการ หรือทุพพลภาพ 60,000 บาท

ถ้าเป็นผู้ปกครอง หรือดูแลผู้พิการ หรือทุพพลภาพ สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้ถึง 60,000 บาทต่อบุคคล และจะต้องมีหลักฐานที่สอดคล้องกับข้อกำหนดที่กำหนดไว้ เช่น บัตรประจำตัวผู้พิการหรือใบรับรองแพทย์ และใบลย.04

 

6. ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท

ในกรณีที่มีค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร ตามรายการลดหย่อนภาษี 2567 สามารถลดหย่อนได้ตามจริง โดยไม่เกิน 60,000 บาท. ค่าลดหย่อนนี้จะถูกนำมาคำนวณตามจริงตามใบเสร็จและใบรับรองแพทย์ที่ท่านจะต้องยื่นร่วมกับการยื่นภาษี

 

7. ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกันและการลงทุน

 

  • ประกันสุขภาพ ลดหย่อนได้ไม่เกิน 25,000 บาท
  • ประกันชีวิตทั่วไป และประกันสะสมทรัพย์ รวมกันลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท
  • ประกันสังคมลดหย่อนได้ 9,000 บาท
  • ประกันสุขภาพของพ่อแม่ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท
  • กองทุนรวมตลาดเงิน (RMF) ลดหย่อนภาษีได้ 30% ไม่เกิน 500,000 บาท
  • กองทุนรวมทุนระยะยาว (SSF) ลดหย่อนภาษีได้ 30% ไม่เกิน 200,000 บาท และหากรวมกับกองทุนอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
 

ลดหย่อนภาษีกับโครงการ Easy E-Receipt

  นอกจากรายการลดหย่อนภาษี 2567 ที่กล่าวถึงแล้ว โครงการ Easy E-Receipt เป็นอีกหนึ่งโครงการที่อนุญาตให้ประชาชนผู้เสียภาษี สามารถใช้ในการลดหย่อนภาษีเงินได้ถึง 50,000 บาท จากการใช้บริการหรือซื้อสินค้าภายในช่วงระยะเวลา 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2567 โดยผู้ให้บริการจะต้องออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์
  ทั้งนี้การใช้บริการอื่น ๆ เช่น ค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน อุปกรณ์ไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ บริการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้าน บริการสปาและเสริมสวย และร้านค้าทั่วไปที่ออกใบกำกับภาษี e-Tax Invoice & e-Receipt ก็ถือว่าเข้าเกณฑ์รับการลดหย่อนด้วย
  แต่หากร้านค้าไม่ได้ลงทะเบียนภาษี การซื้อสินค้าหรือบริการที่เป็นหนังสือพิมพ์และนิตยสารทุกรูปแบบ หรือสินค้าจากโครงการ OTOP ที่ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชน ก็เป็นอีกหนึ่งรายการลดหย่อนภาษี 2567 ที่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้

 

วิธีคำนวณภาษีเบื้องต้นด้วยตัวเอง

การคำนวณภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา มีหลายขั้นตอนและหลายประการที่ต้องพิจารณา ดังนี้

  1. การรวบรวมรายได้ คำนวณรายได้ทั้งหมดที่ได้รับตลอดปี รวมถึงรายได้จากเงินเดือน ภาษาเสีย(คำนี้คืออะไรคะ) รายได้จากกิจการอาชีพ รายได้จากการลงทุน และรายได้อื่น ๆ
  2. การหักค่าลดหย่อน คำนวณค่าลดหย่อนที่มีสิทธิ์ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนคู่สมรส ค่าลดหย่อนบุตร ค่าลดหย่อนบิดามารดา ค่าลดหย่อนผู้พิการ ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร และค่าลดหย่อนประกันสุขภาพ เป็นต้น
  3. การคำนวณรายได้สุทธิ หักลบค่าลดหย่อนที่ได้จากรายได้ทั้งหมด เพื่อหาจำนวนรายได้สุทธิ
  4. การคำนวณภาษี ใช้อัตราภาษีที่ถูกต้องตามช่วงรายได้ที่คุณตกลง (สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากร) จากนั้นให้นำรายได้สุทธิมาคูณกับอัตราภาษีเพื่อคำนวณภาษีที่ต้องจ่าย
  5. การตรวจสอบลดหย่อนเพิ่มเติม (ถ้ามี) ตรวจสอบว่าคุณมีสิทธิ์ในการลดหย่อนอื่น ๆ ที่ไม่ได้คำนวณในขั้นตอนก่อนหน้า
  6. การจ่ายภาษี จ่ายภาษีที่คำนวณไว้ในระยะเวลาที่กำหนด

 

ยกตัวอย่างการคำนวณภาษีเงินได้
หากคุณมีรายได้ทั้งหมด 500,000 บาท/ปี และค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท
รายได้สุทธิ = 500,000 - (60,000 + 60,000) = 380,000 บาท
อัตราภาษีที่ 10% สำหรับช่วงรายได้ 300,001 - 500,000 บาท
ภาษี = 380,000 * 10% = 38,000 บาท

 

สรุปบทความ

สิ่งที่ควรทำในการยื่นภาษีเงินได้ คือตรวจสอบรายการลดหย่อนภาษี 2567 ทั้งหมดที่คุณมีสิทธิ์ในการใช้ รวมถึงการตรวจสอบข้อมูลการลดหย่อนว่าถูกต้องและครบถ้วน ที่สำคัญการมีความเข้าใจในรายการลดหย่อนภาษี 2567 นี้ จะช่วยให้คุณสามารถปรับแผนการเงินในทิศทางที่เหมาะสมและลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต มีประกันหลากหลายรูปแบบให้คุณได้เลือกตามเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคน ทั้ง ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และ ประกันออมทรัพย์ สามารถขอคำ ปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ ตัวแทน หรือสนใจ ซื้อประกันออนไลน์ สามารถติดตามข่าวสาร SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต ได้ที่ Facebook SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต, LINE Official @THAIGROUP และ Call Center โทร 0 2255 5656