> บทความ > ไขข้อสงสัยประกันสะสมทรัพย์ลดหย่อนภาษีได้ไหม
24 ม.ค. 2567
แชร์:
การลดหย่อนภาษีทำได้หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการทำประกันในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประกันชีวิตทั่วไป กลุ่มประกันชีวิตควบการลงทุน หรือกลุ่มประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นต้น เพราะนอกจากจะช่วยตอบโจทย์เรื่องลดหย่อนภาษีแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองด้านอื่น ๆ อีกด้วย
ประกันสะสมทรัพย์จะอยู่ในกลุ่มประกันชีวิตทั่วไป ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยข้อตกลงต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร และเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์
ประกันสะสมทรัพย์ลดหย่อนภาษีได้จริงสูงสุด 100,000 บาท ในกรณีที่คู่สมรสไม่มีรายได้สามารถลดหย่อนเพิ่มได้อีกไม่เกิน 10,000 บาท และต้องเข้าเงื่อนไขของกรมสรรพากร และเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์
การเลือกทำประกัน นอกจากจะคำนึงถึงผลประโยชน์ที่นำไปลดหย่อนภาษีประจำปีแล้ว ขอแนะนำให้เลือกแบบประกันที่เหมาะสมต่อความต้องการในเรื่องความคุ้มครองด้วย จะทำให้ผู้ซื้อประกันสามารถรับประโยชน์ได้แบบสองต่อ โดยประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ดังต่อไปนี้
แบบที่หนึ่งคือ ประกันชีวิต จะสามารถแบ่งย่อยได้อีก 2 แบบ คือ
แบบที่สองคือ ประกันสุขภาพ ก็สามารถแบ่งย่อยได้อีก 2 แบบเช่นกัน คือ
หน้าที่ของผู้มีรายได้คือต้องยื่นภาษีและเสียภาษี เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถหาวิธีลดหย่อนได้ การที่เลือกวิธีลดหย่อนภาษีโดยการทำประกัน นอกจากจะช่วยแบ่งเบาภาระยอดจ่ายภาษีให้ลดลงแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองด้านอื่นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การคุ้มครองชีวิต คุ้มครองสุขภาพ ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น โดยเฉพาะประกันสะสมทรัพย์ ของ SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต ขึ้นชื่อเรื่องผลตอบแทนสูง, ช่วยทำให้มีเงินออม, วางแผนชีวิตการเงินในระยะยาว, เลือกเบี้ยได้หลายระดับ, สร้างความมั่นคง ที่สำคัญตอบโจทย์ในเรื่องการลดหย่อนภาษีได้จริง
บริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ตระหนักว่า บริษัทได้รับความไว้วางใจ และเชื่อมั่นจากลูกค้า ผู้เอาประกันชีวิต ผู้รับผลประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต ผู้ใช้บริการผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และบริการด้านอื่น ๆ ของบริษัท ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการที่จะให้บริษัทเป็นผู้จัดเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการและพัฒนาการให้บริการด้านต่าง ๆ ของบริษัทมาโดยตลอด และเนื่องจากบริษัทให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงตระหนักถึงความรับผิดชอบของบริษัทในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และความรับผิดชอบในการดำเนินการป้องกันรักษาและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งบริษัทได้รับมาอย่างเคร่งครัด
ในการนี้ เพื่อให้ลูกค้า ผู้ใช้บริการ คู่ค้าและคู่สัญญา ของบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้เข้าใจถึงขั้นตอนและแนวทางของบริษัทในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และเชื่อมั่นไว้วางใจต่อการดำเนินการของบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการของบริษัทให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องเคร่งครัด บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 7/2562 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ให้ยกเลิกคำสั่งที่ บค. 023/02/2560 เรื่อง นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ประกาศ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2560 และให้ใช้ประกาศฉบับนี้แทน
“ท่าน” | หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ลูกค้า ผู้เอาประกันชีวิต ผู้รับผลประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต ผู้ใช้บริการผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และบริการด้านอื่น ๆ ของบริษัท รวมถึงคู่ค้า คู่สัญญาของบริษัท เป็นต้น และให้หมายรวมถึงผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการแทนคนไร้ความสามารถซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล |
“ข้อมูลส่วนบุคคล” | หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม |
“ระบบข้อมูลสารสนเทศ” | หมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายติดต่อสื่อสาร ระบบเครือข่ายเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต ระบบเก็บข้อมูล ระบบจดมายอิเล็กทรอนิกส์ ระบบสื่อสารข้อมูลทุกประเภท อุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง หรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง อันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท และ/หรือที่บริษัทได้รับอนุญาตให้ใช้ตามกฎหมาย |
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลรายละเอียด เกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในการนี้ บริษัทขอเรียนว่าบริษัทอาจมีการดำเนินการปรับปรุง หรือแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่ปรากฏตามเอกสารฉบับนี้ รวมทั้งที่ได้กำหนดไว้โดยเฉพาะเจาะจงอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ใบคำขอหรือเอกสารใด ๆ ไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการให้บริการ หลักเกณฑ์ และ/หรือกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอาจไม่ได้แจ้ง หรือบอกกล่าวให้ท่านทราบล่วงหน้า ดังนั้น ท่านควรติดตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนดไว้นี้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี บริษัทจะเผยแพร่การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทในหน้าเว็บไซต์ของบริษัท และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ
อนึ่ง นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ มีขึ้นเพื่อบังคับใช้กับการลงทะเบียน หรือสมัครใช้บริการ สมัครขอใช้ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน บริการด้านอื่น ๆ หรือเข้าทำสัญญาเป็นคู่ค้า หรือคู่สัญญากับบริษัท การเข้าถึง และ/หรือใช้เนื้อหาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเว็บไซต์ หรือแอปพลิแคชันของบริษัท ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่บริษัทจะพัฒนา หรือจัดให้มีขึ้นในอนาคต
ขอเรียนให้ทราบว่า นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ควรพิจารณาควบคู่ไปกับเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น คำให้ความยินยอม ซึ่งบริษัทจะนำส่งให้ท่านพิจารณาเมื่อบริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของท่าน เพื่อให้ท่านได้เข้าใจและรับทราบถึงการดำเนินการใด ๆ ที่บริษัทจะดำเนินการต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
3.1 เพื่อให้บริษัทสามารถพัฒนา และ/หรือจัดหาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต และ/หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงิน รวมถึงการพัฒนาการให้บริการด้านอื่น ๆ ที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของท่าน
3.2 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาให้บริการตามข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงินนั้น ๆ หรือข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการที่บริษัทมีต่อท่าน
ในการนี้โปรดทราบว่า ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้ง บริษัทอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่นที่มีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องขอข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เท่าที่จำเป็น เช่น ข้อมูลสุขภาพ เชื้อชาติ ประวัติอาชญากรรม ประวัติทางการเงิน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เป็นต้น เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาอนุมัติสัญญาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงิน สัญญาต่าง ๆ ที่บริษัทเป็นคู่สัญญา และบริการต่าง ๆ ตามข้อนี้ด้วย
3.3 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาใบคำขอเอาประกันชีวิต หรือคำร้องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาประกันชีวิต ทั้งในขั้นตอนการจัดทำสัญญาประกันชีวิต และ/หรือการเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลตามคำร้องที่ท่านแจ้งให้บริษัททราบ พร้อมทั้งการจัดเก็บรวบรวม การใช้และประมวลผลข้อมูลเพื่อประโยชน์และอ้างอิงในการให้บริการด้านต่าง ๆ ตามความประสงค์ของท่าน
3.4 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาชดใช้สินไหมทดแทนตามสัญญาประกันชีวิตของบริษัท หรือสถานพยาบาล ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของท่าน ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งให้มีการเปิดเผยข้อมูล บริษัทอาจเปิดเผย และส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นและได้รับอนุญาตออกนอกราชอาณาจักรให้กับสถานพยาบาลเมื่อมีการร้องขอเพื่อใช้ประกอบการรักษาพยาบาล
3.5 เพื่อใช้ในการประเมิน บริหารความเสี่ยง และ/หรือการประกันภัยต่อของบริษัทตามหลักเกณฑ์ วิธีการตามประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และ/หรือนโยบายประกันภัยต่อที่บริษัทกำหนด
3.6 เพื่อใช้ประกอบการอำนวยความสะดวกในการชำระค่าเบี้ยประกันชีวิต หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดตามใบแจ้งหนี้ที่สำนักงาน และ/หรือผู้ให้บริการทางการเงินที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทออกให้กับท่าน
3.7 เพื่อให้สถาบันผู้ออกบัตรเครดิต สถาบันผู้ออกบัตรเดบิต หรือสถาบันการเงิน เก็บและประมวลข้อมูลการชำระเบี้ยประกันชีวิต หรือค่าบริการต่าง ๆ ที่ท่านต้องชำระให้กับบริษัท กรณีที่ท่านเลือกช่องทางการชำระเบี้ยประกันภัยผ่านบัญชีบัตรเดบิต บัญชีบัตรเครดิต หรือหักจากบัญชีธนาคารตามที่ท่านแจ้งความประสงค์ไว้ผ่านพนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต หรือผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท
3.8 เพื่อใช้บริหารจัดการภาระหนี้สินที่บริษัทมีต่อท่าน หรือที่ท่านมีต่อบริษัท และเก็บรวบรวมและเรียกชดใช้ในจำนวนหนี้ใด ๆ ที่ท่านมีต่อบริษัทจากท่าน หรือบุคคลใด ๆ ที่ได้ให้เป็นหลักประกัน หรือตามข้อตกลงสำหรับความรับผิดของท่าน
3.9 เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง หรือข้อร้องเรียนใด ๆ จากหรือต่อท่าน หรือการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับท่านในด้านการบริการ และ/หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่บริษัทให้บริการโดยไม่มีข้อจำกัดในการนำไปใช้เพื่อการพิจารณาคำโต้แย้ง วิเคราะห์ สอบสวน ดำเนินการ ประเมิน กำหนด ตอบกลับ แก้ไขปัญหา หรือข้อตกลงในข้อเรียกร้อง หรือข้อร้องเรียนนั้น
3.10 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการเข้าทำสัญญา หรือเข้าร่วมเป็นคู่ค้า หรือพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ เป็นตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต สัญญาความร่วมมือทางธุรกิจ การจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้งนี้ ให้รวมถึงกระบวนการใด ๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญานั้นด้วย
3.11 เพื่อให้การใช้บริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้องกับกฎหมาย หลักเกณฑ์ และระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หรือใช้บังคับกับบริษัท อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต กฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการนั้น ทั้งที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบันและที่จะมีการแก้ไข หรือเพิ่มเติมในอนาคต
3.12 เพื่อการสื่อสารระหว่างบริษัทกับท่าน ผ่านทางโทรศัพท์ ข้อความ (SMS) อีเมล หรือไปรษณีย์ หรือผ่านช่องทางใด ๆ เพื่อการส่งเอกสาร สอบถาม หรือแจ้งให้ท่านทราบ หรือตรวจสอบและยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของท่าน หรือสำรวจความคิดเห็น หรือแจ้งข้อมูลข่าวสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัทตามที่จำเป็น
3.13 เพื่อประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทย่อย บริษัทแม่ หุ้นส่วน บริษัทในเครือ ที่เกี่ยวข้องกัน หรือบริษัทที่ควบคุม หรือควบคุมร่วมกับบริษัท หรือพันธมิตรซึ่งทำงานร่วมกับบริษัท หรือเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับบริษัท เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย จัดทำสถิติ พัฒนาการให้บริการและจัดทำการตลาด หรือการโฆษณาเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดส่งข่าวสารประชาสัมพันธ์ กิจกรรมและโปรโมชั่นต่าง ๆ ตลอดจนการให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และบริการต่าง ๆ ที่เหมาะสมเพื่อให้การบริการต่าง ๆ ตรงตามความสนใจของท่าน
โปรดทราบว่าการที่ท่านติดต่อสื่อสารกับบริษัท หรือทีมงานของบริษัทนั้น บริษัทอาจมีการบันทึกเสียง หรือบันทึกรายละเอียดการติดต่อดังกล่าวด้วยวิธีการใด ๆ ในกรณีที่ท่านยังคงดำเนินการติดต่อสื่อสารกับบริษัทหรือทีมงานของบริษัทต่อไป ถือว่าท่านรับทราบและยอมรับให้มีการบันทึกเสียง และ/หรือรายละเอียดเกี่ยวกับการติดต่อ สื่อสารดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดซึ่งมิได้ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ที่เกี่ยวข้องและข้อมูลที่จำเป็นเพื่อขอรับความยินยอมจากท่านใหม่อีกครั้ง
บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้รับ “คำให้ความยินยอม” โดยชัดแจ้งจากท่านเป็นลายลักษณ์อักษร หรือผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวมถึงเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการทางเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น คุกกี้ (Cookie) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนข้อมูลเล็ก ๆที่เก็บอยู่ในอุปกรณ์ของท่านที่จะทำให้เว็บไซต์สามารถจดจำข้อมูลการเข้าถึงเว็บไซต์ หรือวิธีใดที่ท่านเข้าใช้งานเว็บไซต์ในแต่ละครั้ง โดยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม ประกอบด้วย
4.1 ข้อมูลที่ท่านให้ไว้โดยตรงกับบริษัท
บริษัทจะรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านส่งให้บริษัท เช่น ข้อมูลคำขอเอาประกันชีวิต ข้อมูลสมัครขอใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือสมัครขอใช้บริการต่าง ๆ ที่บริษัทมีให้บริการแก่ท่าน หรือคำขอเข้าทำสัญญาต่าง ๆ ที่บริษัทเป็นคู่สัญญากับท่าน และข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมไม่ว่าจะผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน แบบสำรวจ ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน (Account) หรือข้อมูลที่ได้แก้ไขปรับปรุง หรือข้อมูลที่บริษัทได้รับจากท่าน หรือพนักงาน ตัวแทนประกันชีวิต หรือนายประกันชีวิต คู่ค้า คู่สัญญากับบริษัท หรือข้อมูลที่ได้รับจากการที่ท่านติดต่อมายังระบบข้อมูลสารสนเทศของบริษัท หรือข้อมูลที่ได้รับจากบัญชีผู้ใช้งานอื่น ๆ ที่มีเหตุให้บริษัทได้ทราบว่าท่านเป็นเจ้าของข้อมูล อันรวมถึงและไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลทุกประเภทที่เก็บรวบรวมหรือเคยเก็บรวบรวม ประวัติของท่าน อาทิ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด เพศ อายุ รูปถ่าย อีเมล์ เลขที่บัญชีธนาคาร (ถ้ามี) เลขที่บัตรเครดิต (ถ้ามี) เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง เลขที่ประจำตัวผู้เสียภาษีอากร หมายเลขโทรศัพท์ ประวัติการรักษาพยาบาล ประวัติอาชญากรรม ประวัติการฉ้อฉล รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจและความเห็นทุกอย่างที่ท่านได้แสดงผ่านเว็บไซต์ (ถ้ามี) หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทกำหนด เพื่อจัดเก็บรวบรวมไว้ในบัญชีของท่าน
4.2 ข้อมูลที่ได้รับจากการใช้บริการจากท่าน
บริษัทจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของท่าน และลักษณะวิธีที่การใช้งานของท่าน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลอุปกรณ์ที่ท่านใช้สำหรับการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) ข้อมูลการติดต่อและการสื่อสารระหว่างท่านและผู้ใช้งานรายอื่น และข้อมูลจากการบันทึกการใช้งาน เช่น ตัวระบุอุปกรณ์ หมายเลขไอพีของคอมพิวเตอร์ รหัสประจำตัวอุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ ข้อมูลเครือข่ายมือถือ ข้อมูลการเชื่อมต่อ ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ประเภทของบราวเซอร์ ข้อมูลรายการการทำธุรกรรม (Transaction Log) พฤติกรรมการใช้งาน (Customer Behavior) สถิติการเข้าใช้เว็บไซต์ เวลาที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ (Access Time) ข้อมูลที่ท่านค้นหา การใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ในเว็บไซต์ และข้อมูลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ หรือเทคโนโลยีที่คล้ายกัน
ทั้งนี้ รายละเอียดข้างต้นเป็นตัวอย่างข้อมูลที่บริษัทอาจจะเก็บรวบรวม โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นและในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการตามสัญญาที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต หรือผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงิน หรือบริการต่าง ๆสัญญาทางด้านการเงิน หรือการปฏิบัติการตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับท่าน หรือการให้บริการแก่ท่าน และเพื่อประโยชน์ในการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้เท่านั้น
โปรดทราบว่าในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเนื่องจากเป็นข้อกำหนดหรือหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเนื่องจากเป็นข้อกำหนดภายใต้สัญญาซึ่งท่านมีกับบริษัท และท่านไม่สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นกับบริษัทได้ กรณีดังกล่าวอาจทำให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือข้อกำหนดตามสัญญาที่มีกับท่านได้ (ตัวอย่างเช่น บริษัทอาจไม่สามารถให้บริการ หรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้ท่านได้) ในกรณีดังกล่าวนั้นบริษัทอาจจำเป็นต้องยกเลิกการให้บริการหรือการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้กับท่าน อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นเช่นว่านั้น บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบดังกล่าวเป็นการล่วงหน้า
บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลอื่นใดโดยปราศจากการให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดอนุญาตให้ไม่ต้องขอความยินยอมจากท่านก่อน อย่างไรก็ดี โปรดทราบว่าเพื่อประโยชน์ในการให้บริการที่บริษัทให้แก่ท่าน บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบริษัทย่อย (Subsidiary) บริษัทแม่ (Parent Company) หุ้นส่วน บริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องกัน (Affiliated Company) หรือพันธมิตรซึ่งทำงานร่วมกับบริษัท หรือผู้บริการภายนอก หรือผู้ประมวลข้อมูล หรือผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิเรียกร้อง หรือผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมาย หรือบุคคลอื่นทั้งในและต่างประเทศที่มีสัญญาอยู่กับบริษัท เช่น บุคคลที่บริษัทได้ว่าจ้างให้ดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนา และ/หรือเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และการให้บริการในด้านต่าง ๆ แก่ท่าน หรือเพื่อปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการให้บริการและการเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ในเว็บไซต์ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์ และเครือข่ายที่ให้บริการโดยบริษัท หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการกิจการของบริษัท (ต่อจากนี้จะเรียกบุคคลเหล่านี้โดยรวมว่า “ผู้รับข้อมูลต่อ”) โดยในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมจากท่านให้มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บ รวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เฉพาะตามวัตถุประสงค์และความยินยอมที่ท่านได้แจ้งไว้ต่อบริษัท รวมถึงต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นความลับ และไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้
ในกรณีที่บริษัทจะมีการส่งต่อข้อมูลของท่านไปยังผู้รับข้อมูลต่อซึ่งอยู่ในต่างประเทศซึ่งมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพียงพอตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด บริษัทจะดำเนินการและปฏิบัติตามนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้รับข้อมูลต่อซึ่งอยู่ต่างประเทศ ในการนี้โปรดทราบว่านโยบายฉบับดังกล่าวอาจมีการปรับปรุงต่อไปได้ในอนาคตเนื่องจากในปัจจุบันกฎหมายลำดับรองที่ควบคุมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากมีการปรับปรุงแก้ไขบริษัทจะแจ้งให้ท่านได้รับทราบต่อไป
หากท่านพบว่าผู้รับข้อมูลต่อตามที่ระบุข้างต้นนั้น มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทได้กำหนดไว้ ท่านสามารถแจ้งให้บริษัททราบเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยบริษัทขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบไปพร้อมกันด้วยว่าท่านได้มีการใช้งานเว็บไซต์ สินค้า หรือบริการของผู้รับข้อมูลต่อหรือไม่ เนื่องจากอาจเป็นไปได้ว่าผู้รับข้อมูลต่อได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการใช้บริการของท่านโดยตรงจากการที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ สินค้า หรือบริการของผู้รับข้อมูลต่อ ซึ่งในกรณีดังกล่าวบริษัทไม่สามารถรับผิดชอบความปลอดภัย หรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูลใด ๆ ของท่านที่เก็บรวบรวมโดยเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของผู้รับข้อมูลต่อดังกล่าวได้ ท่านจึงควรใช้ความระมัดระวัง และตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ และบริการของผู้รับข้อมูลต่อด้วย
นอกจากนี้บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลการให้บริการ หรือหน่วยงานกำกับดูแลบริษัท หรือหน่วยงานที่บริษัทเป็นสมาชิก เช่น สมาคมประกันชีวิตไทย รวมทั้งในกรณีที่มีการร้องขอเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินการตามกฎหมาย หรือเป็นการร้องขอจากหน่วยงานเอกชน หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงในกรณีที่มีความจำเป็นสมควรในการบังคับใช้ข้อตกลง และเงื่อนไขในการใช้บริการของบริษัท ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูลในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมบริษัท หรือการขายกิจการ บริษัทอาจถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนที่บริษัทเก็บรวบรวมไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้องโดยไม่ต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า
6.1 หากท่านไม่ประสงค์จะรับข้อมูลและข่าวสารประชาสัมพันธ์จากบริษัทขอให้ท่านแจ้งให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร หรือแจ้งผ่านศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ หรือกดยกเลิกรับข้อมูลข่าวสารในอีเมล์ที่ท่านได้รับจากบริษัททันที
6.2 หากท่านประสงค์ให้บริษัทระงับการใช้ ดำเนินการลบ เพิ่มเติม ปรับปรุง หรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และ/หรือ ถูกต้องตรงกับข้อมูลที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ท่านสามารถแจ้งให้บริษัททราบความประสงค์ดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางเอกสารต่าง ๆ เช่น ใบคำขอเอาประกันชีวิต ใบคำขอใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน คำขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่บริษัทกำหนด เป็นต้น หรือแจ้งผ่านศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์
ทั้งนี้ โปรดทราบว่าหากท่านแจ้งความประสงค์ให้บริษัทดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านออกจากระบบบริษัท อาจทำให้บริษัทไม่สามารถให้บริการตามหลักเกณฑ์ที่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือบริการด้านอื่น ๆ กำหนดได้ หรืออาจทำให้บริการที่ท่านได้รับจากบริษัทไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
6.3 เมื่อบริษัทได้รับคำขอจากท่านให้ดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวของท่าน บริษัทจะพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบงานที่เกี่ยวข้องและที่มีอยู่เพื่ออำนวยความสะดวกและดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการตามคำร้องขอนั้นเสี่ยงต่อการละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือนโยบายความปลอดภัยของระบบ หรือกรณีที่เป็นการสุดวิสัยในทางปฏิบัติตามคำร้องขอของท่าน บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการตามความประสงค์ของท่านได้
ในกรณีที่มีการร้องขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากระบบนั้น บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดำเนินการลบข้อมูลของท่านจากระบบด้วยเทคโนโลยีและความสามารถของระบบงานที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีข้อมูลดังกล่าวอาจจะยังคงได้รับการบันทึก หรือสำเนาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือระบบสำรอง (Backup System) ของบริษัท เพื่อเป็นการสำรองข้อมูลในกรณีที่เกิดความบกพร่อง หรือเกิดจากความขัดข้องของระบบ หรือในกรณีที่เกิดจากการกระทำใด ๆ ที่มีจุดประสงค์มุ่งร้ายต่อบุคคล หรือซอฟต์แวร์อื่น ตลอดจนเพื่อเก็บรวบรวมเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
7.1 สิทธิในการขอแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ถูกต้องสมบูรณ์ และ/หรือ ถูกต้องตรงกับข้อมูลที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
7.2 สิทธิในการถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตน เพียงแจ้งความประสงค์เมื่อใดก็ได้ให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร หรือผ่านศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ หรือทางอีเมล์ หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทกำหนดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคต
7.3 สิทธิในการระงับการเก็บรวบรวม การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนที่เกี่ยวกับตนเมื่อใดก็ได้
7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่ บริษัทอาจดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอรับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
7.5 สิทธิในการขอเข้าถึง หรือขอสำเนารับรองถูกต้องที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของตน หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม
7.6 สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งบริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้ประมวลผลข้อมูลอื่น หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่บริษัทส่ง หรือโอนไปยังผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
7.7 สิทธิในการขอให้บริษัทดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้
7.8 สิทธิในการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ในกรณีที่เป็นข้อมูลซึ่งตนไม่ได้ให้ความยินยอมในการรวบรวม หรือจัดเก็บ
7.9 ท่านมีสิทธิร้องเรียนในกรณีที่บริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างของบริษัท หรือผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และประกาศที่ออกตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
บริษัทได้จัดทำ และ/หรือเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากพนักงาน ลูกค้าและตัวแทนของบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้ เปิดเผย ทำลาย หรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบว่าพนักงาน ลูกจ้างของบริษัทละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม บริษัทถือว่าบุคคลนั้นกระทำการผิดข้อบังคับของบริษัทอย่างร้ายแรงและอาจต้องได้รับโทษตามที่ระบุไว้ในตัวบทกฎหมายนั้น ๆ หากเป็นคู่สัญญาของบริษัท บริษัทจะดำเนินการยกเลิก เพิกถอนสัญญาทันที
ในกรณีที่บริษัทพบว่ามีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะดำเนินการแจ้งเหตุดังกล่าวแก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้ เว้นแต่การละเมิดดังกล่าวจะไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล อย่างไรก็ตามในกรณีที่ปรากฏว่าการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีความเสี่ยงสูงว่าอาจจะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของท่าน บริษัทจะแจ้งเหตุดังกล่าวให้ท่านได้รับทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาแก้ไขเหตุดังกล่าวโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่อาจรับรองได้ว่าจะไม่มีความบกพร่อง หรือความผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ดังนั้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความรับผิดในความเสียหาย หรือสูญหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกกรณี
เว็บไซต์ของบริษัทอาจมีลิงก์เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ และบริการของบุคคลภายนอก ซึ่งหากท่านตกลงยินยอมทำการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ และบริการของบุคคลภายนอกเหล่านั้น ผู้ให้บริการเหล่านั้นอาจเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการใช้บริการของท่าน โดยบริษัทไม่สามารถรับผิดชอบในความปลอดภัย หรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูลใด ๆ ของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมโดยเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของบุคคลภายนอกดังกล่าว ท่านควรใช้ความระมัดระวัง และตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์และบริการของบุคคลภายนอกเหล่านั้นด้วย
หากท่านประสงค์ที่จะใช้สิทธิอย่างใด ๆ ตามที่ระบุในข้อ 7. ข้างต้น หรือมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน หรือข้อติชมใด ๆ เกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือการปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามที่อยู่และช่องทางการติดต่อด้านล่าง บริษัทยินดีที่จะตอบข้อสงสัย รับฟังข้อเสนอแนะ และคำติชมทั้งหลายอันเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการให้บริการของบริษัทต่อไป โดยสามารถติดต่อบริษัทตามที่อยู่ที่ปรากฏข้างล่างนี้
ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์
บริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
315 อาคารไทยกรุ๊ป ชั้น 8-12 ถนนสีลม แขวงสีลม
เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์ 0 2255 5656
อีเมล seliccare@tgh.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยจะมีผลใช้บังคับกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมดที่บริษัทเป็นผู้เก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และหรือเปิดเผยต่อผู้รับข้อมูลต่อ โดยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอาจเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้จัดเก็บรวบรวมไว้แล้วในอดีต ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ตกลงยินยอมให้บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวมในปัจจุบัน และข้อมูลส่วนบุคคลที่จะได้จัดเก็บในอนาคต รวมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รวบรวมไว้แล้ว (หากมี) ซึ่งอาจได้จากแหล่งข้อมูลอื่น
ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีการออกกฎ หลักเกณฑ์ ประกาศ และ/หรือระเบียบอย่างใด ๆ (“กฎหมายลำดับรอง”) ที่อาจมีผลกระทบต่อการบังคับใช้นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ในกรณีที่ปรากฏว่านโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้มีเนื้อหาขัดหรือแย้งกับกฎหมาย และ/หรือกฎหมายลำดับรองอย่างใด ๆ ที่ออกมาใช้บังคับภายหลัง การใช้บังคับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนดังกล่าวนั้น ให้ใช้บังคับตามเนื้อหาของกฎหมาย และ/หรือ กฎหมายลำดับรองอย่างใด ๆ ที่ออกมาในภายหลังและมีผลใช้บังคับอยู่ ณ ขณะนั้น
ท่านรับทราบและตกลงให้ “นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” นี้ อยู่ภายใต้การบังคับและตีความตามกฎหมายไทย และศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใดที่อาจเกิดขึ้น
อนึ่งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ จะต้องได้รับการทบทวนจากคณะกรรมการบริษัทอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหน่วยงานภายในของบริษัทที่ทำหน้าที่รับผิดชอบด้านคุ้มครองข้อมูล (Data Protection Officer) หรือหน่วยงานภายในของบริษัทที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศ (Data Security Department)