Detail
Discount
Help

 >  บทความ  >  เตรียมลดหย่อนภาษีปี 2568 (ยื่นต้นปี 69) ให้คุ้ม แค่วางแผนล่วงหน้า ช่วยประหยัดได้จริง

เตรียมลดหย่อนภาษีปี 2568 (ยื่นต้นปี 69) ให้คุ้ม แค่วางแผนล่วงหน้า ช่วยประหยัดได้จริง

11 ธ.ค. 2568

เมื่อใกล้ถึงปลายปี หลายคนเริ่มคิดถึงเรื่อง “ลดหย่อนภาษี” เพื่อให้ภาษีที่ต้องจ่ายลดลงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย การวางแผนล่วงหน้าไม่เพียงช่วยประหยัดเงิน แต่ยังทำให้เราใช้สิทธิ์ได้ครบถ้วน ไม่ตกหล่น และช่วยสร้างวินัยทางการเงินในระยะยาวด้วย ดังนั้นการ วางแผนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จึงเป็นเรื่องสำคัญของมนุษย์เงินเดือนและผู้มีรายได้ที่ต้องวางแผนให้รอบคอบ เพื่อให้ได้ประโยชน์คุ้มที่สุด

 

เตรียมลดหย่อนภาษีให้คุ้ม แค่วางแผนล่วงหน้า ช่วยประหยัดได้จริง

การลดหย่อนภาษีไม่ใช่เรื่องของ “ปลายปีค่อยว่ากัน” อีกต่อไป แต่คือการวางแผนตลอดทั้งปี ว่าเราจะใช้สิทธิ์อะไร ลงทุนแบบไหน หรือทำประกันรูปแบบใดให้เหมาะกับเป้าหมายการเงินของตัวเอง หากเริ่มคิดตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น ไม่ซื้ออะไรเพราะรีบ แต่ซื้อเพราะ “ตอบโจทย์ตัวเรา” จริง ๆ

 

ทำไมต้องวางแผนลดหย่อนภาษี?

หลายคนเริ่มจัดการภาษีตอนปลายปี แล้วก็ค้นพบว่า “น่าจะวางแผนตั้งแต่กลางปี” เพราะถ้าวางแผนล่วงหน้า เราจะรู้เลยว่า ควรใช้สิทธิ์ไหน ซื้ออะไร เมื่อไหร่ และใช้วงเงินเท่าไหร่ถึงจะคุ้มที่สุด เหตุผลหลัก ๆ มีดังนี้

 

1) ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าอย่างถูกกฎหมาย

การรู้สิทธิ์ลดหย่อนเป็นเรื่องสำคัญมาก เช่น เบี้ยประกันชีวิต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนเพื่อเกษียณอย่าง RMF / TESG ซึ่งช่วยลดฐานภาษีลงได้จริง ตัวอย่างเช่น หากมีรายได้ปีละ 600,000 บาท แล้วใช้สิทธิ์ลดหย่อนเต็มวงเงิน เช่น ประกันชีวิต 100,000 บาท + การลงทุนเพื่อเกษียณ 100,000 บาท อาจช่วยลดภาษีได้หลักหมื่นบาทต่อปี เป็นเงินก้อนที่มองเห็นได้ชัด

 

2) ช่วยใช้สิทธิ์ได้ครบ ไม่พลาดโอกาส

หลายคนรู้ทีหลังว่า “หมดสิทธิ์แล้ว” เพราะไม่ได้วางแผนล่วงหน้า โดยเฉพาะมาตรการที่มีระยะเวลาชัดเจน เช่น มาตรการของรัฐหรือโครงการ Easy E-Receipt ถ้าเรารอให้ถึงปลายปีค่อยเริ่มคิด ก็มักจะใช้สิทธิ์ได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าเตรียมตัวตั้งแต่กลางปี เราจะมีเวลาตัดสินใจมากขึ้น ว่าจะซื้ออะไร จะลงทุนแบบไหน และยื่นลดหย่อนอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

 

3) สร้างวินัยการเงินและการออมระยะยาว

สิทธิ์ลดหย่อนหลายรายการไม่ได้ดีแค่ปีภาษีปัจจุบัน แต่ช่วยให้เรามีเงินออมในอนาคตด้วย เช่น กองทุน RMF / TESG หรือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์และแบบบำนาญ ที่ช่วยสร้างเงินก้อนและรายได้หลังเกษียณ การลดหย่อนภาษีจึงไม่ใช่แค่ “ทำให้จ่ายภาษีน้อยลง” แต่เป็น การวางแผนการเงินระยะยาว ไปในตัว

 

4) ลดความเครียดช่วงปลายปีและเพิ่มความมั่นใจในการยื่นภาษี

ถ้าเราจัดระบบเอกสารและวางแผนตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วงปลายปีจะไม่ต้องมานั่งไล่ตามหาหลักฐานแบบรีบเร่ง มีรายการชัดเจนว่าใช้สิทธิ์อะไรไปแล้วเท่าไหร่ และยังเหลือสิทธิ์อะไรที่ใช้ได้อีก หากมีโปรแกรมคำนวณภาษี หรือปรึกษานักวางแผนการเงิน ก็จะยิ่งมั่นใจว่าเราใช้สิทธิ์อย่างเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด

 

5) สร้างความมั่นคงทางการเงินให้ครอบครัว

สิทธิ์ลดหย่อนหลายอย่าง เช่น ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ เป็นทั้งการลดภาษีและการบริหารความเสี่ยง ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิด ครอบครัวยังได้รับเงินชดเชยหรือความคุ้มครอง เหมือนใช้เงินเพื่อลดความเสี่ยงและประหยัดภาษีไปพร้อมกัน

 

รายการลดหย่อนภาษีหลัก ๆ ที่ควรรู้

หัวใจสำคัญของการวางแผนภาษี คือ “รู้สิทธิ์ของตัวเอง” นี่คือกลุ่มรายการลดหย่อนที่ควรเช็กทุกปี

 

1) ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว

เริ่มจากสิทธิ์พื้นฐานที่ทุกคนควรใช้ ได้แก่

  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว สำหรับผู้มีเงินได้
  • ค่าลดหย่อนคู่สมรส (ตามเงื่อนไขกรมสรรพากร)
  • ค่าลดหย่อนบุตร สามารถใช้ได้ทั้งบุตรที่กำลังศึกษาและยังอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
  • ค่าดูแลบิดามารดา และ เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่หลายคนมักลืมเช็ก

สิทธิ์กลุ่มนี้มักจะได้ใช้เกือบทุกคน จึงควรตรวจสอบข้อมูลครอบครัวให้ครบถ้วนก่อนยื่นแบบภาษี

 

2) ค่าลดหย่อนกลุ่มประกัน เงินออม และการลงทุน

กลุ่มนี้ช่วยทั้งลดภาษีและสร้างเงินออมในอนาคต

  • เบี้ยประกันชีวิต ใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด
  • เบี้ยประกันสุขภาพ ช่วยบริหารความเสี่ยงด้านค่ารักษาพยาบาล
  • ประกันชีวิตแบบบำนาญ เหมาะสำหรับการวางแผนเกษียณระยะยาว
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนเพื่อเกษียณ (เช่น RMF / TESG) ช่วยสร้างเงินออมก้อนใหญ่สำหรับวัยเกษียณ

สิ่งสำคัญคือควรตรวจสอบวงเงินที่เราใช้ไปแล้วและวงเงินที่ยังใช้ได้ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในปีภาษีนั้น ๆ

 

3) ค่าลดหย่อนกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในบางปี รัฐอาจมีมาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น

  • โครงการ Easy E-Receipt
  • มาตรการท่องเที่ยว หรือโครงการช้อปสนับสนุนการใช้จ่ายภายในประเทศ

มาตรการเหล่านี้มักกำหนดวงเงินและช่วงเวลาการใช้สิทธิ์ชัดเจน เช่น วงเงินลดหย่อน 10,000 – 50,000 บาท หากเราวางแผนค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับมาตรการ ก็จะได้ประโยชน์ทั้งต่อเศรษฐกิจและภาษีของเราเอง

 

4) ค่าลดหย่อนเงินบริจาค

การบริจาคสามารถช่วยลดภาษีได้ และยังเป็นการสนับสนุนสังคมไปพร้อมกัน เช่น

  • บริจาคให้โรงพยาบาล มูลนิธิ สถานศึกษา หรือองค์กรสาธารณกุศล
  • บางโครงการที่รัฐสนับสนุน อาจให้สิทธิ์ลดหย่อนสองเท่า จากยอดบริจาค

โดยทั่วไป เงินบริจาคจะลดหย่อนได้ไม่เกินสัดส่วนที่กำหนดของรายได้สุทธิ จึงควรวางแผนให้เหมาะสมกับฐานภาษีของเรา

 

สรุป: วางแผนภาษีวันนี้ ยังไงก็คุ้ม

ปลายปีคือช่วงเวลาสำคัญของการจัดการภาษี แต่ถ้าเริ่มวางแผนตั้งแต่เนิ่น ๆ เราจะไม่ต้องวิ่งวุ่นช่วงโค้งสุดท้าย การวางแผนภาษีไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเสมอไป แค่รู้สิทธิ์ของตัวเอง วางแผนเงินออมและการลงทุนให้สัมพันธ์กับเป้าหมายชีวิต ก็ช่วยให้เรา

  • ได้ลดภาษีอย่างถูกต้อง ไม่จ่ายเกินความจำเป็น
  • มีเงินออมระยะยาวรองรับอนาคต
  • ได้รับความคุ้มครองจากประกันชีวิตและสุขภาพ
  • เริ่มวางแผนเกษียณได้ตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องรอให้ใกล้เกษียณแล้วค่อยเริ่ม

สุดท้าย สิ่งที่คุ้มค่าที่สุดของการวางแผนภาษี คือการใช้เงินทุกบาทอย่างมีเป้าหมาย ทั้งเพื่อลดภาษี สร้างเงินออม และเพิ่มความมั่นคงให้ตัวเองและครอบครัวในระยะยาว เพียงแค่ “รู้สิทธิ์ – วางแผนเร็ว – ใช้สิทธิ์ให้ครบ” ก็ช่วยประหยัดเงินได้ปีละหลายหมื่นบาทแล้ว

คำถามที่พบบ่อย

แนะนำให้เริ่มตั้งแต่ต้นปีหรือตั้งแต่มีรายได้ประจำ เพราะจะได้กระจายการออมและการลงทุนตลอดทั้งปี ไม่ต้องเร่งตัดสินใจตอนปลายปี และมีเวลาศึกษาสิทธิ์ต่าง ๆ ให้เหมาะกับเป้าหมายของตัวเองมากที่สุด
โดยหลักการแล้ว หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดในแต่ละปีภาษี ควรยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ แม้สุดท้าย จะคำนวณออกมาแล้ว “ไม่ต้องจ่ายภาษีเพิ่ม” ก็ควรยื่นไว้เพื่อให้ประวัติการยื่นภาษีเป็นระเบียบและถูกต้อง
รายได้ที่ได้รับการ ยกเว้นภาษี หมายถึงไม่ต้องนำมาคิดเป็นฐานภาษีตั้งแต่แรก ส่วนรายการ ลดหย่อนภาษี คือ สิทธิ์ที่นำมาหักออกจากฐานภาษีหลังจากรวมรายได้แล้ว การเข้าใจความต่างจะช่วยให้วางแผนได้แม่นยำขึ้น
ส่วนใหญ่สิทธิ์ลดหย่อนจะใช้ได้เฉพาะในปีภาษีนั้น ๆ หากเลยกำหนดแล้วมักไม่สามารถใช้ย้อนหลังได้ ดังนั้นการวางแผนและจดบันทึกรายการลดหย่อนระหว่างปีจึงสำคัญมาก เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิ์ไปโดยไม่รู้ตัว
ถ้ามองระยะยาว การลงทุนเพื่อลดหย่อน เช่น กองทุนเพื่อเกษียณ หรือประกันชีวิตแบบบำนาญ ถือว่าคุ้ม เพราะได้ทั้งลดภาษี และมีเงินออมในอนาคต แต่ควรเลือกให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่รับไหว และระยะเวลาที่ต้องการถือครองด้วย
เบี้ยประกันชีวิตบางประเภทสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้ฐานภาษีลดลงและจ่ายภาษีน้อยลง พร้อมได้ความคุ้มครองชีวิตหรือความคุ้มครองด้านสุขภาพควบคู่กันไป จึงเหมาะสำหรับคนที่อยากบริหารความเสี่ยงและวางแผนการเงินไปพร้อมกัน
สามารถเริ่มจากการรวบรวมข้อมูลรายได้ รายการลดหย่อนที่มีอยู่ และเป้าหมายทางการเงินของตัวเอง แล้วใช้โปรแกรมคำนวณภาษี หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี / นักวางแผนการเงิน เพื่อช่วยจำลองสถานการณ์และแนะนำแนวทางที่เหมาะสมกับเรา
 

ประกันที่เกี่ยวข้อง

 

Beyond Protection 989

เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันสะสมทรัพย์ 89/9