Detail
Discount
Help

 >  บทความ  >  รวม 9 โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง พร้อมสาเหตุที่ต้องรู้

รวม 9 โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง พร้อมสาเหตุที่ต้องรู้

23 ก.ย. 2567

หนึ่งในเรื่องที่คนทำประกันสุขภาพสงสัยมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่อง “โรคที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง” ซึ่งหลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่ามีโรคอะไรบ้างที่ประกันไม่คุ้มครอง และ ทำไมบริษัทประกันถึงต้องมีข้อยกเว้นเหล่านี้

วันนี้ SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต จะมาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่า 9 โรคที่ประกันไม่คุ้มครองมีอะไรบ้าง พร้อมเหตุผลเบื้องหลัง เพื่อช่วยให้คุณเตรียมตัวได้ดียิ่งขึ้นก่อนตัดสินใจทำประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรง

 

9 โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง มีสาเหตุจากอะไร

เพราะโรคร้ายแรงต่างๆ ล้วนมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง และมักเป็นโรคที่ต้องดูแลต่อเนื่องยาวนาน ความเสี่ยงเหล่านี้จึงไม่ใช่แค่ของผู้เอาประกัน แต่เป็นความเสี่ยงของบริษัทประกันด้วยเช่นกัน

หากเปิดให้ทำประกันสุขภาพได้โดยไม่มีเงื่อนไขเลย บริษัทประกันจะยากต่อการบริหารความเสี่ยง ทำให้ต้องมี

  • การกำหนดโรค/เงื่อนไขที่ไม่คุ้มครอง (ข้อยกเว้นกรมธรรม์)
  • การตรวจสุขภาพก่อนทำประกัน ในบางผลิตภัณฑ์/ช่วงอายุ หรือวงเงินคุ้มครองสูง
  • การพิจารณาประวัติสุขภาพเดิม เช่น เคยเป็นโรคเรื้อรัง โรคร้ายแรงมาก่อน

กระบวนการเหล่านี้เปรียบเสมือนการคัดกรองความเสี่ยงเบื้องต้น เพื่อให้เบี้ยประกันอยู่ในระดับที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และยังคงให้ความคุ้มครองได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

 

9 โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง มีอะไรบ้าง

 

9 โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง มีอะไรบ้าง

 

ก่อนจะไปดูว่า “มีโรคอะไรบ้างที่ประกันมักไม่คุ้มครอง” เราควรเข้าใจก่อนว่า บริษัทประกันไม่ได้ปฏิเสธเพราะไม่อยากคุ้มครอง แต่ส่วนใหญ่ทำไปเพื่อ

  • ป้องกันการฉ้อฉลประกัน หรือการใช้สิทธิ์เกินความจำเป็น
  • ควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน เพื่อให้ระบบประกันยังคงอยู่ได้ในระยะยาว

กลุ่มโรคที่มักอยู่ในเงื่อนไข “ไม่คุ้มครอง” หรือ “อาจถูกยกเว้น” เช่น

1. โรคจากพันธุกรรม (เป็นก่อนทำประกัน)

โรคที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด หรือเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นก่อนการทำประกัน มักไม่ได้รับความคุ้มครอง เนื่องจากถือเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอยู่แล้วก่อนเริ่มความคุ้มครอง และบริษัทประกันไม่สามารถประเมินต้นทุนในการดูแลได้อย่างแม่นยำ

ตัวอย่างโรค/ภาวะที่อาจถูกยกเว้น เช่น

  • โรคภูมิแพ้ตัวเองบางประเภท
  • โรคปอดเรื้อรังที่เป็นมาก่อนทำประกัน
  • โรคพาร์กินสัน
  • โรคตับแข็ง

โรคเหล่านี้มักเป็นโรคที่ผู้เอาประกันทราบมาก่อนแล้วว่าตัวเองป่วยอยู่ ซึ่งหากเข้ามาขอทำประกันหลังเริ่มป่วยแล้ว อาจถือเป็นการเอาเปรียบบริษัทประกันได้ กรมธรรม์จึงมักระบุข้อยกเว้นไว้ชัดเจน

2. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ มักไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันสุขภาพทั่วไป เนื่องจากเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยพฤติกรรมส่วนบุคคล และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงมาก

3. โรคทางจิตเวชและการทำร้ายตัวเอง

โรคทางจิตเวชหลายชนิด มักไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันสุขภาพทั่วไปเช่นกัน เหตุผลที่ไม่คุ้มครองโรคเหล่านี้ เป็นเพราะมีความซับซ้อนในการวินิจฉัยและรักษา อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายสูงและระยะเวลาการรักษาที่ยาวนาน

ตัวอย่างโรคหรือภาวะที่มักถูกยกเว้น เช่น

  • โรคซึมเศร้า
  • โรคไบโพลาร์
  • การทำร้ายตัวเองหรือพยายามฆ่าตัวตาย

4. โรค/ภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์

ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ มักไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันสุขภาพทั่วไป เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่คาดการณ์ได้ยาก และมีความเสี่ยงสูง บริษัทประกันจึงมักแยกความคุ้มครองนี้ออกเป็นแผนเฉพาะแทน

 

โรคร้ายแรงอะไรบ้างที่ประกันให้ความคุ้มครอง

 

ทำไมถึงควรทำประกันโรคร้ายแรง

 

แม้จะมีบางโรคที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงส่วนใหญ่ ก็ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงสำคัญหลายชนิด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อต้องรักษาโรคใหญ่ๆ เช่น

  • โรคมะเร็ง : ครอบคลุมมะเร็งหลายชนิด (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละแผน) บางแบบยกเว้นมะเร็งผิวหนังบางประเภท
  • โรคหลอดเลือดสมอง : เช่น หลอดเลือดสมองแตก ตีบ หรืออุดตัน ที่มีอาการต่อเนื่องเกิน 24 ชั่วโมง
  • โรคหัวใจ : เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน การผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ
  • โรคไตวายเรื้อรัง : ครอบคลุมภาวะไตวายระยะสุดท้ายที่ต้องล้างไตหรือปลูกถ่ายไต

ความคุ้มครองเหล่านี้ช่วยให้ผู้ป่วย มีเงินก้อนหรือวงเงินรักษา รองรับค่ารักษา ค่าพักฟื้น และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมา เช่น รายได้ที่หายไปของผู้ป่วยหรือคนในครอบครัว

 

ทำไมถึงควรทำประกันโรคร้ายแรง

การทำประกันโรคร้ายแรงในช่วงที่สุขภาพยังดี ถือเป็นการ “เตรียมตัวล่วงหน้า” ที่หลายคนมองข้ามไป แต่จริงๆ แล้วมีข้อดีสำคัญมาก เช่น

  • สมัครง่ายกว่า เมื่อสุขภาพยังแข็งแรง ยังไม่มีประวัติโรคร้ายแรงหรือโรคเรื้อรัง
  • เบี้ยประกันมักถูกกว่า โดยเฉพาะถ้าทำตอนอายุยังไม่มาก
  • ลดความเสี่ยงด้านการเงินในอนาคต เพราะโรคร้ายแรงส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายรักษาสูง
  • ช่วยให้ตัดสินใจรักษาได้เต็มที่ ไม่ต้องลังเลเพราะกลัวค่ารักษาพยาบาล

ในทางกลับกัน หากเคยเป็นโรคมาก่อนแล้ว หรือเป็นโรคเรื้อรังไปแล้ว โอกาสในการทำประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรงอาจลดลงมาก หรืออาจทำได้แต่มีเบี้ยที่สูงและเงื่อนไขคุ้มครองที่จำกัด

 

ประกันโรคร้ายแรงเหมาะกับใคร

จริงๆ แล้ว ประกันโรคร้ายแรงเหมาะกับ คนทั่วไปทุกกลุ่มที่ต้องการวางแผนการเงินด้านสุขภาพ แต่กลุ่มที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ได้แก่

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง หัวใจ หลอดเลือดสมอง แม้ตัวเองยังไม่เป็นก็ตาม
  • ผู้ที่มีภาระทางการเงินสูง เช่น มีหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือดูแลสมาชิกในครอบครัวหลายคน
  • ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ที่ต้องการสร้างความมั่นคงให้คนข้างหลัง หากวันหนึ่งป่วยหนักจนทำงานไม่ได้
  • ผู้ที่ทำงานในอาชีพเสี่ยง ทั้งด้านสุขภาพ ความเครียด หรือการทำงานหนักต่อเนื่อง
 

แนะนำ 4 ประกันโรคร้ายแรงจาก SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต

 

1. ประกันโรคร้ายแรง Super Life Fight โรคร้าย

Super Life Fight โรคร้าย เป็นประกันที่ออกแบบมาเพื่อให้ความคุ้มครองทั้ง “ชีวิต” และ “โรคร้ายแรง” ในแผนเดียวกัน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองระยะยาว เพราะให้ความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ช่วยวางแผนการเงินระยะยาวและดูแลครอบครัวได้อย่างมั่นใจ

  • คุ้มครองชีวิตถึงอายุ 99 ปี วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท
  • คุ้มครอง 28 โรคร้ายแรง สูงสุด 1.5 ล้านบาท ถึงอายุ 65 ปี
  • ครบกำหนดสัญญา รับเงินคืน 750,000 บาท ณ อายุ 99 ปี
  • มีความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร สูงสุด 1.5 ล้านบาท
 

2. ประกันโรคร้ายแรง ซูเปอร์ แคนเซอร์ แคร์

ซูเปอร์ แคนเซอร์ แคร์ เป็นประกันที่เน้นความคุ้มครองเฉพาะโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องมะเร็งโดยเฉพาะ เพราะครอบคลุมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นไปจนถึงระยะลุกลาม ช่วยให้มีเงินรองรับค่าใช้จ่ายการรักษาอย่างต่อเนื่อง

  • คุ้มครองโรคมะเร็งสูงสุด 1 ล้านบาท รวมมะเร็งระยะไม่ลุกลาม
  • คุ้มครองโรคร้ายแรง 28 โรค วงเงิน 500,000 บาท
  • รับเงินชดเชยรายวันกรณีนอนโรงพยาบาลจากโรคมะเร็ง วันละ 2,000 บาท สูงสุด 500 วัน
  • รับเงินคืนระหว่างสัญญาและเมื่อครบกำหนด รวม 120,000 บาท
 

3. ประกันสุขภาพ ซูเปอร์ เฮลท์

ซูเปอร์ เฮลท์ เป็นประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวงเงินรักษาสูง ยืดหยุ่น และไม่ต้องกังวลจำนวนครั้งในการเข้ารับการรักษา เหมาะทั้งใช้ร่วมกับสวัสดิการที่มีอยู่ หรือใช้เป็นแผนหลัก

  • เหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 3 ล้านบาทต่อปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
  • คุ้มครองค่าห้อง ICU สูงสุด 60 วันต่อปี
  • เพิ่มความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) ได้สูงสุด 40,000 บาทต่อปี
  • ใช้สิทธิ์รักษาในโรงพยาบาลคู่สัญญาได้โดย ไม่ต้องสำรองจ่าย
 

4. ประกันสุขภาพ Be Healthy (บี เฮลท์ตี้)

Be Healthy เป็นประกันสุขภาพที่ออกแบบมาให้เข้าถึงง่าย เบี้ยเริ่มต้นเพียง “วันละประมาณ 9 บาท” แต่ให้ความคุ้มครองครบทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองสุขภาพแบบรอบด้าน ในราคาที่จับต้องได้

  • ผลประโยชน์รวมสูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อครั้ง
  • คุ้มครองค่าห้องและค่าอาหารสูงสุด 5,000 บาทต่อวัน (สูงสุด 150 วันต่อครั้ง)
  • คุ้มครองค่าเวชศาสตร์ฟื้นฟู สูงสุด 8 ครั้งต่อปี
  • คุ้มครองค่ารักษาผู้ป่วยนอก (OPD) เนื่องจากอุบัติเหตุ สูงสุด 10,000 บาทต่อครั้ง
 

สรุป 9 โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง กับเงื่อนไขที่ต้องรู้

สรุปได้ว่า การเลือกทำประกันโรคร้ายแรงหรือประกันสุขภาพ “ตอนที่ยังสุขภาพดี” ถือเป็นเกราะป้องกันชั้นดีที่ทุกคนควรพิจารณา เพราะถ้าปล่อยให้อายุมากขึ้น หรือเริ่มมีอาการเจ็บป่วย/โรคเรื้อรังแล้ว

  • โอกาสทำประกันอาจน้อยลง
  • เบี้ยประกันอาจสูงขึ้นกว่าที่คิด
  • อาจมีข้อยกเว้นโรคเดิมที่ไม่คุ้มครอง

SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทั้งประกันชีวิต ประกันบำนาญ ประกันสุขภาพ และประกันสะสมทรัพย์ เพื่อให้คุณสามารถเลือกแผนที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

คุณสามารถขอคำปรึกษาหรือเลือกซื้อประกันออนไลน์ได้ตามความสะดวก รวมถึงติดตามข่าวสารและสิทธิพิเศษได้ทาง

คำถามที่พบบ่อย

เพราะบริษัทประกันต้องบริหารความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลให้สมดุล หากคุ้มครองทุกโรคและทุกกรณีโดยไม่มีข้อยกเว้นเลย เบี้ยประกันจะสูงมากจนคนส่วนใหญ่เข้าถึงไม่ได้ การกำหนดโรคที่ไม่คุ้มครองหรือเงื่อนไขบางอย่าง จึงช่วยให้ยังสามารถเสนอเบี้ยประกันที่เหมาะสม และดูแลผู้เอาประกันได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ในหลายกรณี “ยังสามารถทำได้” แต่อาจมีเงื่อนไข เช่น ไม่คุ้มครองโรคเดิม (โรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน) หรือมีการปรับเพิ่มเบี้ยประกัน ขึ้นอยู่กับประเภทโรค ระยะของโรค และผลการพิจารณารับประกันของบริษัท ดังนั้นการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพอย่างตรงไปตรงมา จะช่วยให้ได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมและถูกต้องตามเงื่อนไขกรมธรรม์
โดยทั่วไปประกันสุขภาพแบบมาตรฐานมักไม่คุ้มครองโรคทางจิตเวช เช่น ซึมเศร้า ไบโพลาร์ หรือการทำร้ายตัวเอง แต่ในอนาคตอาจมีผลิตภัณฑ์เฉพาะด้านสุขภาพจิตมากขึ้น ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง จึงควรตรวจสอบเงื่อนไขของแต่ละแผนโดยละเอียดก่อนตัดสินใจทำประกันทุกครั้ง
ประกันสุขภาพมักเน้น “จ่ายตามจริง” หรือ “เหมาจ่าย” ค่ารักษาพยาบาลเมื่อเข้าโรงพยาบาล ส่วนประกันโรคร้ายแรงจะเน้น “จ่ายเงินก้อน” เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ซึ่งผู้เอาประกันสามารถนำเงินก้อนไปจัดการทั้งค่ารักษา ค่าครองชีพ หรือภาระอื่นๆ ได้อย่างยืดหยุ่น การมีทั้งสองแบบร่วมกันจึงช่วยให้แผนการเงินด้านสุขภาพครบถ้วนมากขึ้น
จุดสำคัญที่ควรเช็กคือหัวข้อ “ข้อยกเว้นความคุ้มครอง” และ “เงื่อนไขการไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน” รวมถึงรายละเอียดของโรคร้ายแรงแต่ละโรคว่าต้องเข้าข่ายเกณฑ์แบบใดจึงจะได้รับความคุ้มครอง หากอ่านแล้วยังไม่แน่ใจ แนะนำให้สอบถามตัวแทนหรือเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันโดยตรง เพื่อให้เข้าใจตรงกันก่อนเซ็นรับกรมธรรม์
ยิ่งเริ่มตอนสุขภาพดีและอายุยังไม่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับการอนุมัติคุ้มครองง่ายขึ้น และมักได้เบี้ยประกันในระดับที่คุ้มค่ากว่า การรอจนเริ่มป่วยหรือมีโรคประจำตัวแล้วค่อยทำ อาจทำไม่ได้ หรือได้แบบมีข้อจำกัดมากกว่าที่คิด ดังนั้นการวางแผนล่วงหน้าจึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดกว่ามาก

สรุปบทความ

9 โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง ไม่ได้มีไว้เพื่อ “ปฏิเสธลูกค้า” แต่เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้ระบบประกันยังอยู่ได้ และคนส่วนใหญ่ยังเข้าถึงความคุ้มครองได้ในระดับเบี้ยที่เหมาะสม การทำความเข้าใจข้อยกเว้นเหล่านี้ตั้งแต่ก่อนเซ็นรับกรมธรรม์ จึงเป็นเรื่องสำคัญพอๆ กับการเลือกวงเงินคุ้มครองหรือเบี้ยประกัน

การวางแผนทำ ประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรง ตั้งแต่ตอนที่ยังสุขภาพดี จะช่วยเพิ่มโอกาสได้รับความคุ้มครองในเงื่อนไขที่ดีกว่า และปกป้องคุณจากความเสี่ยงด้านค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดในอนาคต หากคุณกำลังมองหาแผนประกันที่ตอบโจทย์ทั้งชีวิต สุขภาพ การออม และเกษียณ SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกอย่างหลากหลาย พร้อมช่องทางปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและซื้อประกันออนไลน์ได้อย่างสะดวก