> บทความ > เทคนิคซื้อประกันลดหย่อนภาษีอย่างไรให้คุ้ม ลดหย่อนได้เยอะ
15 ก.ย. 2565
แชร์:
สำหรับผู้มีรายได้ที่กำลังวางแผนทำประกันชีวิต หรือ ประกันสุขภาพมนุษย์เงินเดือน จะได้นำไปลดหย่อนภาษีนั้น อาจกำลังสงสัยว่าการทำประกันจะช่วยลดหย่อนภาษีได้อย่างไร ต้องจ่ายเบี้ยประกันเท่าไหร่ถึงจะนำไปลดหย่อนภาษีได้ อีกทั้งการซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี ยังมีประกันหลากหลายประเภทให้เลือกอีก SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต จะมาแนะนำวิธีเลือกซื้อประกันลดหย่อนภาษีอย่างไรให้คุ้ม ให้สามารถลดหย่อนภาษีได้เยอะ แต่ก็ยังได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมกับความต้องการ
สำหรับผู้มีรายได้ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ทุกปี หลายคนจึงวางแผนมองหาสิทธิลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ซึ่งการซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษีเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมและคุ้มค่ามากที่สุด โดยประกันลดหย่อนภาษีได้ในปัจจุบันมี 4 ประเภทด้วยกันดังนี้
เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ก็สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงเช่นกัน แต่ต้องไม่เกิน 10,000 บาท โดยประกันชีวิตแบบทั่วไปนั้นก็แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
คุณสามารถซื้อประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี ทั้งที่ซื้อเป็นแผนแยกประกันสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ก็สามารถนำเบี้ยไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 25,000 บาท โดยเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท
เบี้ยประกันชีวิตแบบบำเหน็จบำนาญ เป็นประกันชีวิตที่ทำเพื่อเป็นรายได้ในยามเกษียณ โดยบริษัทประกันจะจ่ายให้ผู้เอาประกันเป็นเงินก้อนเหมือนเงินบำเหน็จ และจะจ่ายเป็นงวด ๆ เหมือนเงินบำนาญนับตั้งแต่ปีที่สัญญาครบกำหนด
ซึ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบนี้สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง โดยไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี สำหรับคนที่ซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญ และยังใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปไม่ครบ 100,000 บาท คุณสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญบางส่วนไปหักลดหย่อนในฐานะเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปก่อน แล้วค่อยนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญส่วนที่เหลือไปหักลดหย่อนจนครบตามเงื่อนไขได้
นอกจากการซื้อประกันสุขภาพของตนเองจะลดหย่อนภาษีได้แล้ว การซื้อประกันสุขภาพสำหรับบิดามารดา สามารถนำเบี้ยไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงอีกด้วย โดยรวมสูงสุดปีละไม่เกิน 15,000 บาท และส่วนของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ของคู่สมรสก็ยังสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษี รวมสูงสุดไม่เกินปีละ 15,000 บาทเช่นกัน
ในปัจจุบันสำหรับคนที่มีความประสงค์จะใช้สิทธิประกันลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิตและสุขภาพ จะต้องแจ้งความประสงค์ต่อบริษัทประกัน เพื่อให้บริษัทฯนำส่งข้อมูลการชำระเบี้ยประกันในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้กับกรมสรรพากรตามข้อกำหนด
ปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้เราสามารถคำนวณรายได้ และภาษีที่ต้องจ่ายได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงตัวเลือกในการช่วยลดหย่อนภาษีมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่อยากแนะนำให้ทำก่อนคือ ศึกษา วิธีคำนวณภาษีด้วยตัวเอง เพราะยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจผิดคิดว่า ถ้าต้องเสียภาษีเท่าไหร่ก็แค่ทำประกันเท่ากับจำนวนนั้น ซึ่งในความเป็นจริงค่าเบี้ยประกันที่ชำระจะไปหักลบออกจากรายได้ทั้งปีของเราไม่ใช่หักออกจากภาษีที่ต้องจ่าย
ยกตัวอย่าง นายสมชาย มีเงินเดือน 56,000 บาท (ปีละ 672,000 บาท) ได้รับโบนัสประจำปีอีก 84,000 บาทหักค่าใช้จ่ายแบบเหมารวม 100,000 บาท จ่ายประกันสังคม 9,000 บาท นายสมชายไม่มีภรรยา และสนใจอยากทำประกันออมทรัพย์เพื่อลดหย่อนภาษีอีก 100,000 บาท
รายได้ทั้งปี |
|
|
|
ลดหย่อนภาษี |
|
|
||||||
672,000 |
+ |
84,000 |
- |
100,000 |
- |
60,000 |
- |
9,000 |
- |
100,000 |
= |
487,000 |
เงินเดือน |
|
โบนัสประจำปี |
|
ค่าใช้จ่าย |
|
ผู้มีเงินได้ |
|
ประกันสังคม |
|
ค่าเบี้ยประกัน |
|
เงินได้สุทธิ |
จะเห็นว่าจำนวนเบี้ยประกันที่นำมาลดหย่อนภาษีนั้นไปลดในส่วนของรายได้ทั้งปีเพื่อหารายได้สุทธิ ก่อนนำไปลดหย่อนภาษีตามขั้นบันไดต่อไป เราถึงจะทราบว่าภาษีที่เราต้องจ่ายในปีนั้นคือเท่าไหร่ เพราะถ้ายิ่งมีรายได้ที่สูงเท่าไหร่การทำประกันก็จะยิ่งช่วยให้ภาษีที่ต้องจ่ายลดลงเท่านั้น
เนื่องจากการคำนวณภาษีในปัจจุบันถูกคิดแบบภาษีขั้นบันไดทีละ 5% แต่สูงสุดไม่เกิน 35% ยิ่งมีรายได้มากขึ้นก็จะยิ่งต้องเสียภาษีมากเท่านั้น ทำให้เวลาจะซื้อประกันลดหย่อนภาษี จะต้องคำนึงถึงขั้นภาษีว่าต้องเสียถึงขั้นไหน แล้วถึงมาดูว่าเบี้ยประกันที่จะจ่าย สามารถลดจำนวนขั้นภาษีลงได้หรือไม่
เช่น ถ้าเราเสียภาษีขั้นที่ 4 เราก็ต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น เพื่อลดรายได้ของเราลงให้รายได้สุทธิไม่เกินขั้นที่ 3 เป็นต้น การทำวิธีนี้จะช่วยให้สามารถตัดภาษีในส่วนที่ต้องเสียอัตราภาษีสูง ๆ ออกไปก่อน (ส่วน 15%) และเหลือไว้แค่ในส่วนที่ภาษีสะสมในขั้นที่ต่ำกว่า (27,500 บาท) ทำให้เราก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยประกันแพง ๆ โดยไม่จำเป็นอีกต่อไป
ขั้นที่ |
ช่วงรายได้สุทธิตั้งแต่ (ต่อปี) |
รายได้สุทธิสูงสุดในแต่ละขั้น |
อัตรา เสียภาษี |
ภาษีสูงสุดในแต่ละขั้น |
ภาษีสะสมสูงสุดในแต่ละขั้น |
1 |
0 - 150,000 |
150,000 |
5% |
ยกเว้น* |
0 |
2 |
150,001 - 300,000 |
150,000 |
5% |
7,500 |
7,500 |
3 |
300,001 - 500,000 |
200,000 |
10% |
20,000 |
27,500 |
4 |
500,001 - 750,000 |
250,000 |
15% |
37,500 |
65,000 |
5 |
750,001 - 1,000,000 |
250,000 |
20% |
50,000 |
115,000 |
6 |
1,000,001 - 2,000,000 |
1,000,000 |
25% |
250,000 |
365,000 |
7 |
2,000,001 - 5,000,000 |
3,000,000 |
30% |
900,000 |
1,265,000 |
8 |
5,000,001 บาท ขึ้นไป |
- |
35% |
- |
- |
นอกจากนี้ควรรู้ว่าแบบประกันที่กำลังจะทำสามารถลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ แล้วลดหย่อนภาษีได้สูงสุดเท่าไหร่ อย่างเบี้ยประกันชีวิตสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี และเบี้ยประกันสุขภาพสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วจะต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี แต่เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 15% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีตลอดทั้งปี และสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี และหากมีการยกเลิก หรือเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตก่อนเกณฑ์เวลาที่สรรพากรได้กำหนดไว้ อาจจะต้องคืนเงินภาษีที่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีไปในปีนั้น พร้อมจ่ายเบี้ยปรับให้สรรพากร 1.5% ต่อเดือนอีกด้วย
แน่นอนว่าการซื้อประกันลดหย่อนภาษีไม่ได้ทำแค่ปีเดียว ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการเลือกแบบประกันที่เหมาะสม ยิ่งแบบประกันที่มีระยะเวลาชำระเบี้ยยาวนาน ก็ยิ่งต้องแบกภาระในการจ่ายเบี้ยที่มากขึ้นและอาจส่งผลให้เรา จ่ายเบี้ยประกันไม่ไหว ได้ในภายหลัง แต่ถ้าหากเลือกชำระเบี้ยครั้งเดียว เราก็จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้แค่ในปีนั้น และอาจต้องทำประกันตัวใหม่ในปีถัดไป ดังนั้นควรคำนวณดูว่าตัวเองมีกำลังพอที่จะจ่ายเบี้ยระยะยาว หรือระยะสั้น และรายได้ของเราในแต่ละปีว่ามีแน้วโน้มทิศทางไปยังไง เพื่อวางแผนการทำประกันให้เหมาะสม และครอบคลุมกับความต้องการของตัวเองที่สุด
ชำระเบี้ยประกัน / ลดหย่อนภาษี |
ปีที่1 |
ปีที่2 |
ปีที่3 |
ปีที่4 |
ปีที่5 |
ประกันออมทรัพย์ 10/1 |
100,000 |
- |
- |
- |
- |
ประกันออมทรัพย์ 10/5 |
20,000 |
20,000 |
20,000 |
20,000 |
20,000 |
จะเห็นว่าการซื้อประกันลดหย่อนภาษีให้คุ้มค่าจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่ดูรายได้สุทธิของตัวเองว่าอยู่ที่ขั้นไหน เพื่อจะได้เลือกแบบประกันที่ตอบโจทย์ และจ่ายค่าเบี้ยประกันที่พอดีไม่จำเป็นต้องมากจนเกินไป เพราะอาจจะกลายเป็นภาระในภายหลังได้ และที่สำคัญควรมองในระยะยาว เพื่อวางแผนเรื่องการลดหย่อนภาษี จะได้เลือกระยะเวลาการจ่ายเบี้ยประกันที่เหมาะสม เพียงเท่านี้เราก็ได้ประกันดี ๆ ที่ช่วยลดหย่อนภาษีได้ในระยะยาว และไม่ต้องเปลืองเงินโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต มีประกันหลากหลายรูปแบบให้คุณได้เลือกตามเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคน ทั้ง ประกันชีวิต , ประกันสุขภาพ และ ประกันออมทรัพย์ สามารถขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ ตัวแทน หรือสนใจ ซื้อประกันออนไลน์ สามารถติดตามข่าวสาร SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต ได้ที่ Facebook SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต, LINE Official @THAIGROUP และ Call Center โทร 0 2255 5656
บริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ตระหนักว่า บริษัทได้รับความไว้วางใจ และเชื่อมั่นจากลูกค้า ผู้เอาประกันชีวิต ผู้รับผลประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต ผู้ใช้บริการผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และบริการด้านอื่น ๆ ของบริษัท ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการที่จะให้บริษัทเป็นผู้จัดเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการและพัฒนาการให้บริการด้านต่าง ๆ ของบริษัทมาโดยตลอด และเนื่องจากบริษัทให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงตระหนักถึงความรับผิดชอบของบริษัทในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และความรับผิดชอบในการดำเนินการป้องกันรักษาและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งบริษัทได้รับมาอย่างเคร่งครัด
ในการนี้ เพื่อให้ลูกค้า ผู้ใช้บริการ คู่ค้าและคู่สัญญา ของบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้เข้าใจถึงขั้นตอนและแนวทางของบริษัทในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และเชื่อมั่นไว้วางใจต่อการดำเนินการของบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการของบริษัทให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องเคร่งครัด บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 7/2562 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ให้ยกเลิกคำสั่งที่ บค. 023/02/2560 เรื่อง นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ประกาศ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2560 และให้ใช้ประกาศฉบับนี้แทน
“ท่าน” | หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ลูกค้า ผู้เอาประกันชีวิต ผู้รับผลประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต ผู้ใช้บริการผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และบริการด้านอื่น ๆ ของบริษัท รวมถึงคู่ค้า คู่สัญญาของบริษัท เป็นต้น และให้หมายรวมถึงผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการแทนคนไร้ความสามารถซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล |
“ข้อมูลส่วนบุคคล” | หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม |
“ระบบข้อมูลสารสนเทศ” | หมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายติดต่อสื่อสาร ระบบเครือข่ายเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต ระบบเก็บข้อมูล ระบบจดมายอิเล็กทรอนิกส์ ระบบสื่อสารข้อมูลทุกประเภท อุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง หรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง อันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท และ/หรือที่บริษัทได้รับอนุญาตให้ใช้ตามกฎหมาย |
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลรายละเอียด เกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในการนี้ บริษัทขอเรียนว่าบริษัทอาจมีการดำเนินการปรับปรุง หรือแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่ปรากฏตามเอกสารฉบับนี้ รวมทั้งที่ได้กำหนดไว้โดยเฉพาะเจาะจงอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ใบคำขอหรือเอกสารใด ๆ ไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการให้บริการ หลักเกณฑ์ และ/หรือกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอาจไม่ได้แจ้ง หรือบอกกล่าวให้ท่านทราบล่วงหน้า ดังนั้น ท่านควรติดตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนดไว้นี้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี บริษัทจะเผยแพร่การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทในหน้าเว็บไซต์ของบริษัท และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ
อนึ่ง นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ มีขึ้นเพื่อบังคับใช้กับการลงทะเบียน หรือสมัครใช้บริการ สมัครขอใช้ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน บริการด้านอื่น ๆ หรือเข้าทำสัญญาเป็นคู่ค้า หรือคู่สัญญากับบริษัท การเข้าถึง และ/หรือใช้เนื้อหาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเว็บไซต์ หรือแอปพลิแคชันของบริษัท ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่บริษัทจะพัฒนา หรือจัดให้มีขึ้นในอนาคต
ขอเรียนให้ทราบว่า นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ควรพิจารณาควบคู่ไปกับเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น คำให้ความยินยอม ซึ่งบริษัทจะนำส่งให้ท่านพิจารณาเมื่อบริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของท่าน เพื่อให้ท่านได้เข้าใจและรับทราบถึงการดำเนินการใด ๆ ที่บริษัทจะดำเนินการต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
3.1 เพื่อให้บริษัทสามารถพัฒนา และ/หรือจัดหาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต และ/หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงิน รวมถึงการพัฒนาการให้บริการด้านอื่น ๆ ที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของท่าน
3.2 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาให้บริการตามข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงินนั้น ๆ หรือข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการที่บริษัทมีต่อท่าน
ในการนี้โปรดทราบว่า ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้ง บริษัทอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่นที่มีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องขอข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เท่าที่จำเป็น เช่น ข้อมูลสุขภาพ เชื้อชาติ ประวัติอาชญากรรม ประวัติทางการเงิน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เป็นต้น เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาอนุมัติสัญญาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงิน สัญญาต่าง ๆ ที่บริษัทเป็นคู่สัญญา และบริการต่าง ๆ ตามข้อนี้ด้วย
3.3 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาใบคำขอเอาประกันชีวิต หรือคำร้องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาประกันชีวิต ทั้งในขั้นตอนการจัดทำสัญญาประกันชีวิต และ/หรือการเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลตามคำร้องที่ท่านแจ้งให้บริษัททราบ พร้อมทั้งการจัดเก็บรวบรวม การใช้และประมวลผลข้อมูลเพื่อประโยชน์และอ้างอิงในการให้บริการด้านต่าง ๆ ตามความประสงค์ของท่าน
3.4 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาชดใช้สินไหมทดแทนตามสัญญาประกันชีวิตของบริษัท หรือสถานพยาบาล ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของท่าน ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งให้มีการเปิดเผยข้อมูล บริษัทอาจเปิดเผย และส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นและได้รับอนุญาตออกนอกราชอาณาจักรให้กับสถานพยาบาลเมื่อมีการร้องขอเพื่อใช้ประกอบการรักษาพยาบาล
3.5 เพื่อใช้ในการประเมิน บริหารความเสี่ยง และ/หรือการประกันภัยต่อของบริษัทตามหลักเกณฑ์ วิธีการตามประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และ/หรือนโยบายประกันภัยต่อที่บริษัทกำหนด
3.6 เพื่อใช้ประกอบการอำนวยความสะดวกในการชำระค่าเบี้ยประกันชีวิต หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดตามใบแจ้งหนี้ที่สำนักงาน และ/หรือผู้ให้บริการทางการเงินที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทออกให้กับท่าน
3.7 เพื่อให้สถาบันผู้ออกบัตรเครดิต สถาบันผู้ออกบัตรเดบิต หรือสถาบันการเงิน เก็บและประมวลข้อมูลการชำระเบี้ยประกันชีวิต หรือค่าบริการต่าง ๆ ที่ท่านต้องชำระให้กับบริษัท กรณีที่ท่านเลือกช่องทางการชำระเบี้ยประกันภัยผ่านบัญชีบัตรเดบิต บัญชีบัตรเครดิต หรือหักจากบัญชีธนาคารตามที่ท่านแจ้งความประสงค์ไว้ผ่านพนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต หรือผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท
3.8 เพื่อใช้บริหารจัดการภาระหนี้สินที่บริษัทมีต่อท่าน หรือที่ท่านมีต่อบริษัท และเก็บรวบรวมและเรียกชดใช้ในจำนวนหนี้ใด ๆ ที่ท่านมีต่อบริษัทจากท่าน หรือบุคคลใด ๆ ที่ได้ให้เป็นหลักประกัน หรือตามข้อตกลงสำหรับความรับผิดของท่าน
3.9 เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง หรือข้อร้องเรียนใด ๆ จากหรือต่อท่าน หรือการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับท่านในด้านการบริการ และ/หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่บริษัทให้บริการโดยไม่มีข้อจำกัดในการนำไปใช้เพื่อการพิจารณาคำโต้แย้ง วิเคราะห์ สอบสวน ดำเนินการ ประเมิน กำหนด ตอบกลับ แก้ไขปัญหา หรือข้อตกลงในข้อเรียกร้อง หรือข้อร้องเรียนนั้น
3.10 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการเข้าทำสัญญา หรือเข้าร่วมเป็นคู่ค้า หรือพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ เป็นตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต สัญญาความร่วมมือทางธุรกิจ การจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้งนี้ ให้รวมถึงกระบวนการใด ๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญานั้นด้วย
3.11 เพื่อให้การใช้บริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้องกับกฎหมาย หลักเกณฑ์ และระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หรือใช้บังคับกับบริษัท อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต กฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการนั้น ทั้งที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบันและที่จะมีการแก้ไข หรือเพิ่มเติมในอนาคต
3.12 เพื่อการสื่อสารระหว่างบริษัทกับท่าน ผ่านทางโทรศัพท์ ข้อความ (SMS) อีเมล หรือไปรษณีย์ หรือผ่านช่องทางใด ๆ เพื่อการส่งเอกสาร สอบถาม หรือแจ้งให้ท่านทราบ หรือตรวจสอบและยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของท่าน หรือสำรวจความคิดเห็น หรือแจ้งข้อมูลข่าวสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัทตามที่จำเป็น
3.13 เพื่อประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทย่อย บริษัทแม่ หุ้นส่วน บริษัทในเครือ ที่เกี่ยวข้องกัน หรือบริษัทที่ควบคุม หรือควบคุมร่วมกับบริษัท หรือพันธมิตรซึ่งทำงานร่วมกับบริษัท หรือเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับบริษัท เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย จัดทำสถิติ พัฒนาการให้บริการและจัดทำการตลาด หรือการโฆษณาเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดส่งข่าวสารประชาสัมพันธ์ กิจกรรมและโปรโมชั่นต่าง ๆ ตลอดจนการให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และบริการต่าง ๆ ที่เหมาะสมเพื่อให้การบริการต่าง ๆ ตรงตามความสนใจของท่าน
โปรดทราบว่าการที่ท่านติดต่อสื่อสารกับบริษัท หรือทีมงานของบริษัทนั้น บริษัทอาจมีการบันทึกเสียง หรือบันทึกรายละเอียดการติดต่อดังกล่าวด้วยวิธีการใด ๆ ในกรณีที่ท่านยังคงดำเนินการติดต่อสื่อสารกับบริษัทหรือทีมงานของบริษัทต่อไป ถือว่าท่านรับทราบและยอมรับให้มีการบันทึกเสียง และ/หรือรายละเอียดเกี่ยวกับการติดต่อ สื่อสารดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดซึ่งมิได้ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ที่เกี่ยวข้องและข้อมูลที่จำเป็นเพื่อขอรับความยินยอมจากท่านใหม่อีกครั้ง
บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้รับ “คำให้ความยินยอม” โดยชัดแจ้งจากท่านเป็นลายลักษณ์อักษร หรือผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวมถึงเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการทางเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น คุกกี้ (Cookie) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนข้อมูลเล็ก ๆที่เก็บอยู่ในอุปกรณ์ของท่านที่จะทำให้เว็บไซต์สามารถจดจำข้อมูลการเข้าถึงเว็บไซต์ หรือวิธีใดที่ท่านเข้าใช้งานเว็บไซต์ในแต่ละครั้ง โดยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม ประกอบด้วย
4.1 ข้อมูลที่ท่านให้ไว้โดยตรงกับบริษัท
บริษัทจะรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านส่งให้บริษัท เช่น ข้อมูลคำขอเอาประกันชีวิต ข้อมูลสมัครขอใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือสมัครขอใช้บริการต่าง ๆ ที่บริษัทมีให้บริการแก่ท่าน หรือคำขอเข้าทำสัญญาต่าง ๆ ที่บริษัทเป็นคู่สัญญากับท่าน และข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมไม่ว่าจะผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน แบบสำรวจ ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน (Account) หรือข้อมูลที่ได้แก้ไขปรับปรุง หรือข้อมูลที่บริษัทได้รับจากท่าน หรือพนักงาน ตัวแทนประกันชีวิต หรือนายประกันชีวิต คู่ค้า คู่สัญญากับบริษัท หรือข้อมูลที่ได้รับจากการที่ท่านติดต่อมายังระบบข้อมูลสารสนเทศของบริษัท หรือข้อมูลที่ได้รับจากบัญชีผู้ใช้งานอื่น ๆ ที่มีเหตุให้บริษัทได้ทราบว่าท่านเป็นเจ้าของข้อมูล อันรวมถึงและไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลทุกประเภทที่เก็บรวบรวมหรือเคยเก็บรวบรวม ประวัติของท่าน อาทิ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด เพศ อายุ รูปถ่าย อีเมล์ เลขที่บัญชีธนาคาร (ถ้ามี) เลขที่บัตรเครดิต (ถ้ามี) เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง เลขที่ประจำตัวผู้เสียภาษีอากร หมายเลขโทรศัพท์ ประวัติการรักษาพยาบาล ประวัติอาชญากรรม ประวัติการฉ้อฉล รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจและความเห็นทุกอย่างที่ท่านได้แสดงผ่านเว็บไซต์ (ถ้ามี) หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทกำหนด เพื่อจัดเก็บรวบรวมไว้ในบัญชีของท่าน
4.2 ข้อมูลที่ได้รับจากการใช้บริการจากท่าน
บริษัทจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของท่าน และลักษณะวิธีที่การใช้งานของท่าน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลอุปกรณ์ที่ท่านใช้สำหรับการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) ข้อมูลการติดต่อและการสื่อสารระหว่างท่านและผู้ใช้งานรายอื่น และข้อมูลจากการบันทึกการใช้งาน เช่น ตัวระบุอุปกรณ์ หมายเลขไอพีของคอมพิวเตอร์ รหัสประจำตัวอุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ ข้อมูลเครือข่ายมือถือ ข้อมูลการเชื่อมต่อ ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ประเภทของบราวเซอร์ ข้อมูลรายการการทำธุรกรรม (Transaction Log) พฤติกรรมการใช้งาน (Customer Behavior) สถิติการเข้าใช้เว็บไซต์ เวลาที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ (Access Time) ข้อมูลที่ท่านค้นหา การใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ในเว็บไซต์ และข้อมูลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ หรือเทคโนโลยีที่คล้ายกัน
ทั้งนี้ รายละเอียดข้างต้นเป็นตัวอย่างข้อมูลที่บริษัทอาจจะเก็บรวบรวม โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นและในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการตามสัญญาที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต หรือผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงิน หรือบริการต่าง ๆสัญญาทางด้านการเงิน หรือการปฏิบัติการตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับท่าน หรือการให้บริการแก่ท่าน และเพื่อประโยชน์ในการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้เท่านั้น
โปรดทราบว่าในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเนื่องจากเป็นข้อกำหนดหรือหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเนื่องจากเป็นข้อกำหนดภายใต้สัญญาซึ่งท่านมีกับบริษัท และท่านไม่สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นกับบริษัทได้ กรณีดังกล่าวอาจทำให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือข้อกำหนดตามสัญญาที่มีกับท่านได้ (ตัวอย่างเช่น บริษัทอาจไม่สามารถให้บริการ หรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้ท่านได้) ในกรณีดังกล่าวนั้นบริษัทอาจจำเป็นต้องยกเลิกการให้บริการหรือการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้กับท่าน อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นเช่นว่านั้น บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบดังกล่าวเป็นการล่วงหน้า
บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลอื่นใดโดยปราศจากการให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดอนุญาตให้ไม่ต้องขอความยินยอมจากท่านก่อน อย่างไรก็ดี โปรดทราบว่าเพื่อประโยชน์ในการให้บริการที่บริษัทให้แก่ท่าน บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบริษัทย่อย (Subsidiary) บริษัทแม่ (Parent Company) หุ้นส่วน บริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องกัน (Affiliated Company) หรือพันธมิตรซึ่งทำงานร่วมกับบริษัท หรือผู้บริการภายนอก หรือผู้ประมวลข้อมูล หรือผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิเรียกร้อง หรือผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมาย หรือบุคคลอื่นทั้งในและต่างประเทศที่มีสัญญาอยู่กับบริษัท เช่น บุคคลที่บริษัทได้ว่าจ้างให้ดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนา และ/หรือเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และการให้บริการในด้านต่าง ๆ แก่ท่าน หรือเพื่อปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการให้บริการและการเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ในเว็บไซต์ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์ และเครือข่ายที่ให้บริการโดยบริษัท หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการกิจการของบริษัท (ต่อจากนี้จะเรียกบุคคลเหล่านี้โดยรวมว่า “ผู้รับข้อมูลต่อ”) โดยในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมจากท่านให้มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บ รวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เฉพาะตามวัตถุประสงค์และความยินยอมที่ท่านได้แจ้งไว้ต่อบริษัท รวมถึงต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นความลับ และไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้
ในกรณีที่บริษัทจะมีการส่งต่อข้อมูลของท่านไปยังผู้รับข้อมูลต่อซึ่งอยู่ในต่างประเทศซึ่งมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพียงพอตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด บริษัทจะดำเนินการและปฏิบัติตามนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้รับข้อมูลต่อซึ่งอยู่ต่างประเทศ ในการนี้โปรดทราบว่านโยบายฉบับดังกล่าวอาจมีการปรับปรุงต่อไปได้ในอนาคตเนื่องจากในปัจจุบันกฎหมายลำดับรองที่ควบคุมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากมีการปรับปรุงแก้ไขบริษัทจะแจ้งให้ท่านได้รับทราบต่อไป
หากท่านพบว่าผู้รับข้อมูลต่อตามที่ระบุข้างต้นนั้น มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทได้กำหนดไว้ ท่านสามารถแจ้งให้บริษัททราบเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยบริษัทขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบไปพร้อมกันด้วยว่าท่านได้มีการใช้งานเว็บไซต์ สินค้า หรือบริการของผู้รับข้อมูลต่อหรือไม่ เนื่องจากอาจเป็นไปได้ว่าผู้รับข้อมูลต่อได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการใช้บริการของท่านโดยตรงจากการที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ สินค้า หรือบริการของผู้รับข้อมูลต่อ ซึ่งในกรณีดังกล่าวบริษัทไม่สามารถรับผิดชอบความปลอดภัย หรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูลใด ๆ ของท่านที่เก็บรวบรวมโดยเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของผู้รับข้อมูลต่อดังกล่าวได้ ท่านจึงควรใช้ความระมัดระวัง และตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ และบริการของผู้รับข้อมูลต่อด้วย
นอกจากนี้บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลการให้บริการ หรือหน่วยงานกำกับดูแลบริษัท หรือหน่วยงานที่บริษัทเป็นสมาชิก เช่น สมาคมประกันชีวิตไทย รวมทั้งในกรณีที่มีการร้องขอเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินการตามกฎหมาย หรือเป็นการร้องขอจากหน่วยงานเอกชน หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงในกรณีที่มีความจำเป็นสมควรในการบังคับใช้ข้อตกลง และเงื่อนไขในการใช้บริการของบริษัท ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูลในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมบริษัท หรือการขายกิจการ บริษัทอาจถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนที่บริษัทเก็บรวบรวมไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้องโดยไม่ต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า
6.1 หากท่านไม่ประสงค์จะรับข้อมูลและข่าวสารประชาสัมพันธ์จากบริษัทขอให้ท่านแจ้งให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร หรือแจ้งผ่านศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ หรือกดยกเลิกรับข้อมูลข่าวสารในอีเมล์ที่ท่านได้รับจากบริษัททันที
6.2 หากท่านประสงค์ให้บริษัทระงับการใช้ ดำเนินการลบ เพิ่มเติม ปรับปรุง หรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และ/หรือ ถูกต้องตรงกับข้อมูลที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ท่านสามารถแจ้งให้บริษัททราบความประสงค์ดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางเอกสารต่าง ๆ เช่น ใบคำขอเอาประกันชีวิต ใบคำขอใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน คำขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่บริษัทกำหนด เป็นต้น หรือแจ้งผ่านศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์
ทั้งนี้ โปรดทราบว่าหากท่านแจ้งความประสงค์ให้บริษัทดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านออกจากระบบบริษัท อาจทำให้บริษัทไม่สามารถให้บริการตามหลักเกณฑ์ที่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือบริการด้านอื่น ๆ กำหนดได้ หรืออาจทำให้บริการที่ท่านได้รับจากบริษัทไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
6.3 เมื่อบริษัทได้รับคำขอจากท่านให้ดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวของท่าน บริษัทจะพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบงานที่เกี่ยวข้องและที่มีอยู่เพื่ออำนวยความสะดวกและดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการตามคำร้องขอนั้นเสี่ยงต่อการละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือนโยบายความปลอดภัยของระบบ หรือกรณีที่เป็นการสุดวิสัยในทางปฏิบัติตามคำร้องขอของท่าน บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการตามความประสงค์ของท่านได้
ในกรณีที่มีการร้องขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากระบบนั้น บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดำเนินการลบข้อมูลของท่านจากระบบด้วยเทคโนโลยีและความสามารถของระบบงานที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีข้อมูลดังกล่าวอาจจะยังคงได้รับการบันทึก หรือสำเนาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือระบบสำรอง (Backup System) ของบริษัท เพื่อเป็นการสำรองข้อมูลในกรณีที่เกิดความบกพร่อง หรือเกิดจากความขัดข้องของระบบ หรือในกรณีที่เกิดจากการกระทำใด ๆ ที่มีจุดประสงค์มุ่งร้ายต่อบุคคล หรือซอฟต์แวร์อื่น ตลอดจนเพื่อเก็บรวบรวมเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
7.1 สิทธิในการขอแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ถูกต้องสมบูรณ์ และ/หรือ ถูกต้องตรงกับข้อมูลที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
7.2 สิทธิในการถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตน เพียงแจ้งความประสงค์เมื่อใดก็ได้ให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร หรือผ่านศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ หรือทางอีเมล์ หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทกำหนดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคต
7.3 สิทธิในการระงับการเก็บรวบรวม การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนที่เกี่ยวกับตนเมื่อใดก็ได้
7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่ บริษัทอาจดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอรับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
7.5 สิทธิในการขอเข้าถึง หรือขอสำเนารับรองถูกต้องที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของตน หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม
7.6 สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งบริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้ประมวลผลข้อมูลอื่น หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่บริษัทส่ง หรือโอนไปยังผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
7.7 สิทธิในการขอให้บริษัทดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้
7.8 สิทธิในการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ในกรณีที่เป็นข้อมูลซึ่งตนไม่ได้ให้ความยินยอมในการรวบรวม หรือจัดเก็บ
7.9 ท่านมีสิทธิร้องเรียนในกรณีที่บริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างของบริษัท หรือผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และประกาศที่ออกตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
บริษัทได้จัดทำ และ/หรือเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากพนักงาน ลูกค้าและตัวแทนของบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้ เปิดเผย ทำลาย หรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบว่าพนักงาน ลูกจ้างของบริษัทละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม บริษัทถือว่าบุคคลนั้นกระทำการผิดข้อบังคับของบริษัทอย่างร้ายแรงและอาจต้องได้รับโทษตามที่ระบุไว้ในตัวบทกฎหมายนั้น ๆ หากเป็นคู่สัญญาของบริษัท บริษัทจะดำเนินการยกเลิก เพิกถอนสัญญาทันที
ในกรณีที่บริษัทพบว่ามีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะดำเนินการแจ้งเหตุดังกล่าวแก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้ เว้นแต่การละเมิดดังกล่าวจะไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล อย่างไรก็ตามในกรณีที่ปรากฏว่าการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีความเสี่ยงสูงว่าอาจจะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของท่าน บริษัทจะแจ้งเหตุดังกล่าวให้ท่านได้รับทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาแก้ไขเหตุดังกล่าวโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่อาจรับรองได้ว่าจะไม่มีความบกพร่อง หรือความผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ดังนั้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความรับผิดในความเสียหาย หรือสูญหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกกรณี
เว็บไซต์ของบริษัทอาจมีลิงก์เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ และบริการของบุคคลภายนอก ซึ่งหากท่านตกลงยินยอมทำการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ และบริการของบุคคลภายนอกเหล่านั้น ผู้ให้บริการเหล่านั้นอาจเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการใช้บริการของท่าน โดยบริษัทไม่สามารถรับผิดชอบในความปลอดภัย หรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูลใด ๆ ของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมโดยเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของบุคคลภายนอกดังกล่าว ท่านควรใช้ความระมัดระวัง และตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์และบริการของบุคคลภายนอกเหล่านั้นด้วย
หากท่านประสงค์ที่จะใช้สิทธิอย่างใด ๆ ตามที่ระบุในข้อ 7. ข้างต้น หรือมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน หรือข้อติชมใด ๆ เกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือการปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามที่อยู่และช่องทางการติดต่อด้านล่าง บริษัทยินดีที่จะตอบข้อสงสัย รับฟังข้อเสนอแนะ และคำติชมทั้งหลายอันเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการให้บริการของบริษัทต่อไป โดยสามารถติดต่อบริษัทตามที่อยู่ที่ปรากฏข้างล่างนี้
ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์
บริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
315 อาคารไทยกรุ๊ป ชั้น 8-12 ถนนสีลม แขวงสีลม
เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์ 0 2255 5656
อีเมล seliccare@tgh.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยจะมีผลใช้บังคับกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมดที่บริษัทเป็นผู้เก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และหรือเปิดเผยต่อผู้รับข้อมูลต่อ โดยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอาจเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้จัดเก็บรวบรวมไว้แล้วในอดีต ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ตกลงยินยอมให้บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวมในปัจจุบัน และข้อมูลส่วนบุคคลที่จะได้จัดเก็บในอนาคต รวมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รวบรวมไว้แล้ว (หากมี) ซึ่งอาจได้จากแหล่งข้อมูลอื่น
ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีการออกกฎ หลักเกณฑ์ ประกาศ และ/หรือระเบียบอย่างใด ๆ (“กฎหมายลำดับรอง”) ที่อาจมีผลกระทบต่อการบังคับใช้นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ในกรณีที่ปรากฏว่านโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้มีเนื้อหาขัดหรือแย้งกับกฎหมาย และ/หรือกฎหมายลำดับรองอย่างใด ๆ ที่ออกมาใช้บังคับภายหลัง การใช้บังคับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนดังกล่าวนั้น ให้ใช้บังคับตามเนื้อหาของกฎหมาย และ/หรือ กฎหมายลำดับรองอย่างใด ๆ ที่ออกมาในภายหลังและมีผลใช้บังคับอยู่ ณ ขณะนั้น
ท่านรับทราบและตกลงให้ “นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” นี้ อยู่ภายใต้การบังคับและตีความตามกฎหมายไทย และศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใดที่อาจเกิดขึ้น
อนึ่งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ จะต้องได้รับการทบทวนจากคณะกรรมการบริษัทอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหน่วยงานภายในของบริษัทที่ทำหน้าที่รับผิดชอบด้านคุ้มครองข้อมูล (Data Protection Officer) หรือหน่วยงานภายในของบริษัทที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศ (Data Security Department)