เงินเฟ้อคืออะไร รู้สาเหตุและวิธีรับมือ เพื่อความมั่นคงทางการเงิน

ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง "เงินเฟ้อ" กลายเป็นคำที่ทุกคนได้ยินบ่อยครั้ง แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจความหมายและผลกระทบที่แท้จริง บทความนี้ SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเงินเฟ้อ พร้อมกับสาเหตุและวิธีรับมือ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวกัน

ความหมายและกลไกของเงินเฟ้อ

เงินเฟ้อเป็นปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคน แต่หลายคนอาจไม่เข้าใจกลไกการเกิดเงินเฟ้ออย่างแท้จริง มาทำความเข้าใจกันว่าเงินเฟ้อคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร

นิยามของเงินเฟ้อ

เงินเฟ้อ คือภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อำนาจซื้อของเงินลดลง กล่าวคือ เงินจำนวนเท่าเดิมสามารถซื้อสินค้าและบริการได้น้อยลง เงินเฟ้อวัดได้จากการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งแสดงถึงค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา

ประเภทของเงินเฟ้อ

• เงินเฟ้อแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
• เงินเฟ้อจากอุปสงค์ (Demand-Pull Inflation) : เกิดจากความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนการผลิตไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น
• เงินเฟ้อจากต้นทุน (Cost-Push Inflation) : เกิดจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เช่น ราคาวัตถุดิบหรือค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ผลิตต้องขึ้นราคาสินค้าเพื่อรักษากำไร

สาเหตุของการเกิดเงินเฟ้อ

เงินเฟ้อเป็นปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งจากด้านอุปสงค์ อุปทาน และนโยบายทางการเงินและการคลังของรัฐบาล การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบได้ดียิ่งขึ้น

ปัจจัยด้านอุปสงค์

อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นสาเหตุสำคัญของเงินเฟ้อ เมื่อประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น หากการผลิตไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ราคาสินค้าก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

ปัจจัยด้านอุปทาน

ปัญหาด้านอุปทานก็เป็นอีกสาเหตุของเงินเฟ้อ เช่น การขาดแคลนวัตถุดิบ ภัยธรรมชาติที่ส่งผลต่อผลผลิต หรือการขึ้นราคาพลังงาน ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ผู้ผลิตจึงต้องปรับราคาสินค้าเพื่อรักษาระดับกำไร ส่งผลให้ราคาสินค้าโดยรวมในตลาดสูงขึ้น

นโยบายการเงินและการคลัง

นโยบายของรัฐบาลและธนาคารกลางมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อโดยตรง เช่น การเพิ่มปริมาณเงินในระบบ การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย หรือการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายภาครัฐ มาตรการเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อได้หากไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม

ผลกระทบของเงินเฟ้อต่อเศรษฐกิจและชีวิตประจำวัน

เงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลกระทบเหล่านี้มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของเงินเฟ้อและการปรับตัวของภาคส่วนต่างๆ ในสังคม

การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ

เมื่อเกิดเงินเฟ้อ ราคาสินค้าและบริการจะปรับตัวสูงขึ้น ทำให้อำนาจซื้อของประชาชนลดลง สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมีราคาแพงขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพโดยรวมสูงขึ้น ประชาชนต้องใช้จ่ายเงินมากขึ้นเพื่อรักษาระดับการบริโภคเดิม

การเปลี่ยนแปลงของค่าจ้างแรงงาน

ในภาวะเงินเฟ้อ ค่าจ้างแรงงานมักจะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย แต่อาจไม่ได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่เท่ากับเงินเฟ้อเสมอไป ทำให้ค่าจ้างที่แท้จริง (Real Wage) อาจลดลง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของแรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย

เงินเฟ้อมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยในระบบการเงิน โดยทั่วไป เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น ธนาคารกลางมักจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ฝากเงินก็อาจได้รับดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้นเช่นกัน

วิธีรับมือกับเงินเฟ้อในยุคปัจจุบัน

แม้ว่าเงินเฟ้อจะเป็นปรากฏการณ์ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่เราสามารถปรับตัวและวางแผนการเงินเพื่อรับมือกับผลกระทบได้ การเตรียมพร้อมและมีกลยุทธ์ทางการเงินที่เหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถรักษาความมั่นคงทางการเงินไว้ได้แม้ในภาวะเงินเฟ้อ

การปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย

การปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย เป็นวิธีรับมือเงินเฟ้อที่ทำได้ทันที เริ่มจากการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และหันมาเน้นการบริโภคสินค้าที่จำเป็นมากขึ้น นอกจากนี้ การเปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนซื้อและการใช้คูปองส่วนลดก็เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้

การวางแผนการออมและการลงทุน

การออมและการลงทุนที่เหมาะสม เป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับเงินเฟ้อ การทำประกันสะสมทรัพย์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้ความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังได้รับผลตอบแทนที่มักจะสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ช่วยรักษามูลค่าเงินออมในระยะยาว นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ซึ่งทาง SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต ก็มีตัวอย่างประกันสะสมทรัพย์ที่น่าลงทุนมาฝากกัน เช่น

• ประกันสะสมทรัพย์ เซฟวิ่ง ซูเปอร์โฟร์ 10/4: จ่ายเบี้ยเพียง 4 ปี คุ้มครอง 10 ปี รับเงินคืน 4% ทุกปี ผลประโยชน์รวมสูงถึง 440% ของทุนประกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมระยะสั้นแต่ได้รับความคุ้มครองระยะยาว พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี
• ประกันสะสมทรัพย์ ดี-มินิ เซฟวิ่ง 10/6: เริ่มออมเพียงเดือนละ 1,000 บาท รับเงินคืน 3.5% ทุกปี รวมรับผลประโยชน์ 635% เมื่อครบสัญญา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นออมด้วยเงินจำนวนน้อย แต่ได้รับผลตอบแทนสูงในระยะยาว
• ประกันสะสมทรัพย์ 20/10: คุ้มครอง 20 ปี จ่ายเบี้ย 10 ปี ผลประโยชน์รวม 250% เบี้ยเริ่มต้นเพียง 1,800 บาท/เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองระยะยาว พร้อมสร้างวินัยการออมและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

การพัฒนาทักษะและเพิ่มรายได้

การพัฒนาตนเองและเพิ่มทักษะอาชีพ เป็นอีกวิธีที่ช่วยรับมือกับเงินเฟ้อในระยะยาว การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือการหารายได้เสริมจะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน ทำให้สามารถรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การมีความรู้และทักษะที่หลากหลายยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งหรือหางานที่มีรายได้สูงขึ้นอีกด้วย

สรุป เงินเฟ้อคืออะไร ทำไมถึงส่งผลกระทบกับทุกคน

จะเห็นได้ว่า เงินเฟ้อ คือสิ่งที่ส่งผลกระทบกับทุกคนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคาสินค้า บริการ หรือเงินเดือนค่าจ้างที่ได้รับ จึงเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนให้ดีแบบไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะในเรื่องของการออมและการลงทุน SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต ก็มีประกันหลากหลายรูปแบบให้คุณได้เลือกตามเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคน ทั้ง ประกันชีวิต , ประกันสุขภาพ, ประกันบำนาญลดหย่อนภาษี และ ประกันสะสมทรัพย์ลดหย่อนภาษี สามารถขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ ตัวแทน หรือสนใจ ซื้อประกันออนไลน์ สามารถติดตามข่าวสาร SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต ได้ที่ Facebook SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต, LINE Official @THAIGROUP และ Call Center โทร 0 2255 5656

แนะนำประกันจาก อาคเนย์ ประกันชีวิต ที่ตอบโจทย์การเก็บออม

ประกันบำนาญ

ประกันบำนาญ สบาย รีไทร์เม้นท์ 99/60, 99/5

รับเงินบำนาญ 36% ทุกปี ตั้งแต่อายุ 60-99 ปี ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท

ประกันบำนาญ

ประกันบำนาญ 85/60

ชำระเบี้ยฯ ถึงอายุ 60 ปี รับเงินบำนาญ ตั้งแต่อายุ 60 - 85 ปี รวม 312%